3 ข้อผิดพลาด ที่นักการตลาดควรหลีกเลี่ยงในปีนี้

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

482217671-higlight

เข้าสู่ปี 2015 มาแล้ว 2 เดือน ลองถามตัวเองดูซิว่า ในปีที่ผ่านมาคุณได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง แล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่น่าสนใจ แต่ที่เห็นได้ชัดคือ องค์กรขนาดใหญ่ เริ่มทุ่มงบประมาณด้านการตลอดออนไลน์มากขึ้น โดย Emarketer.com ได้คาดการณ์ว่า เมื่อถึงสิ้นปี 2015 การทำตลาดบนโทรทัศน์ และในสื่อดิจิทัล จะใช้งบประมาณเกือบเท่ากัน

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณเป็นนักการตลาด หรือผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ก็ต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างมาก ทั้งการทำ SEO, Content Marketing, Search Engine และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้ ถ้าคุณเพิ่งเข้าสู่วงจรของการตลาดออนไลน์ และซื้อสื่อต่างๆ เพื่อเปิดตลาด โดยขาดความเข้าใจที่แท้จริง ขอบอกว่าอย่าคาดหวังกับเอเจนซี่และหน่วยงานภายนอกมากนัก ให้ลองศึกษาและพยายามทำตามแนวทางของตัวเองก่อน ถ้าไม่อยากพบกับความผิดพลาด นี่คือ 3 สิ่งที่นักการตลาด และผู้ประกอบการควรหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด

1. แผนการตลาดที่ไม่ได้เรื่อง

ในการทำงานจริง กับการเรียนในห้อง นั้นจะมอบประสบการณ์ให้คุณในรูปแบบที่ต่างกัน ในห้องเรียนคุณจะได้เรียนรู้พื้นฐานทั้งหมด แต่ในสนามจริงคุณจะได้รู้จักการประยุกต์ใช้ การวางแผนที่ดีนั้น จึงต้องมีกลยุทธ์ที่ใช้งานได้จริง ไม่ทำให้เสียเวลา เงิน และโอกาส

• ก่อนที่คุณจะวางแผนการตลาดทุกครั้ง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดให้ดีเสียก่อน ทั้งคู่แข่ง ความต้องการของผู้บริโภค จำนวนกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการจัดจำหน่าย และทิศทางของตลาด

• วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค (SWOT) เพื่อกำหนดเป้าหมายทางการตลาด รวมถึงการทำ KPI เพื่อวัดความสำเร็จของแต่ละแคมเปญ

• งบประมาณ คุณต้องกำหนดให้ได้ว่าแต่ละช่องทางจะใช้งบประมาณเท่าไร และพยายามควบคุมให้อยู่ในงบที่สุด

“การวางแผน” จึงหัวใจสำคัญในการสร้างรากฐานของการตลาด และจะมีส่วนช่วยอย่างมากเพื่อเสริมให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

2. ความคาดหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง

สำหรับนักการตลาด หรือเอเจนซี่ หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ มักจะมาพร้อมกับภาระที่ใหญ่ยิ่ง นั่นก็คือ ความคาดหวังจากลูกค้า เช่น “ทำไมทำตลาดแล้ว ยอดขายถึงไม่เพิ่มขึ้นเลย” หรือ “ทำไมผมไม่ได้อยู่ที่หน้า 1 ของ Google” แม้จะสิ้นสุดสัญญาแล้วก็ตาม ทำให้คุณต้องแบกรับความคาดหวังจากลูกค้าทั้งหมด

คุณต้องสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่า พวกเขาจะได้รับสิ่งใด เมื่อทำการตลาดแล้ว อย่าบรรยายเกินความจริง จนลูกค้ารู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมภาพฝันที่สวยงาม

• กำหนดระยะเวลาของแคมเปญ 90 วัน นี่คือค่าเฉลี่ยของการทำแคมเปญโดยทั่วไป เริ่มต้นจากการทำแผนงานคร่าวๆ โดยต้องมีตัวเลือกหลายรูปแบบ พร้อมกับ A/B Testing และพยายามอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าการทำตลาดนั้นไม่ได้สำเร็จในคืนเดียว

• การทำ Search Engine Optimization ในระยะเวลา 90-180 วัน SEO เป็นหนึ่งในประเด็นที่นักการตลาดออนไลน์ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับ Google ซึ่งเป็นเวทีสำหรับการซื้อ-ขายอย่างแท้จริง และ Google ยังเป็นผู้ควบคุมเกมทั้งหมดอีกด้วย

ดังนั้น คุณจึงต้องกำหนดเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา และดำเนินการตามความคาดหวังของลูกค้า อาทิ 90 วันคือช่วงเริ่มต้น และ 180 วันคือผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ และกลยุทธ์การแข่งขัน

• Social Media 30 วัน ถ้าคิดจะใช้สื่อออนไลน์เจาะตลาดแล้ว คุณก็ควรจะรับฟังเสียงจากลูกค้า และจับตาดูคู่แข่ง เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาวางแผนการทำงานล่วงหน้า เพราะ Social Media ได้กลายเป็นช่องทางที่เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญ และความต้องการของคนส่วนมาก ในการโพสแต่ละครั้งต้องผ่านการคัดสรรมาแล้ว และต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้

จริงๆ แล้วยังมีแง่มุมต่างๆ อีกมากมายของการตลาดออนไลน์ แค่ 1 – 2 สัปดาห์ ถ้ายังไม่เห็นผล ก็ไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลว สิ่งสำคัญคือ ต้องอดทน และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเสมอ

3. ไม่ติดตามผล และไม่ได้รับการแจ้งเตือน

จะว่าไปแล้วการทำการตลาดออนไลน์ก็เหมือนกับควัน ที่พร้อมจะลอยหายไปในอากาศเฉยๆ และยังเปรียบเหมือนกระจก ที่จะสะท้อนทุกสิ่งอย่างที่ได้ทำไปแล้ว ด้วยความก้าวล้ำของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เรามีซอฟต์แวร์เพื่อวิเคราะห์ว่าเงินทุกบาท ทุกยอดวิว และทุกคลิก จะบอกอะไรเราได้บ้าง คำถามคือ คุณมีวิธีการวิเคราะห์ที่เหมาะสมแล้วหรือยัง?

ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือหัวหน้าฝ่ายการตลาด มันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะต้องติดตามผลการทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย แม้ว่าคุณจะทำงานร่วมกับเอเจนซี่ หรือนักการตลาดแล้วก็ตาม พวกคุณต้องร่วมกันสร้างมาตรฐานที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ คุณยังต้องเรียนรู้การทำ Google Adwords และตรวจสอบประวัติการใช้จ่าย เพื่อให้คุ้มค่าที่สุ หากคุณไม่ต้องการจ้างพนักงานประจำเพื่อมาดูแลเรื่องนี้ ก็ลองใช้บริการผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้พวกเขาช่วยตรวจสอบการทำงานทุกเดือน แต่ถ้าคุณทำเองได้แล้ว ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้ในระยะยาว

สรุปได้ว่า สิ่งที่นักการตลาดออนไลน์ ต้องมีในปีนี้คือ ความละเอียด รู้จักคิดวิเคราะห์ จับกระแสตลาดให้ได้ และคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเสมอ เพื่อให้ชิ้นงานออกมาน่าประทับใจ และตอบโจทย์ลูกค้าที่สุด
แหล่งที่มา


  •  
  •  
  •  
  •  
  •