4 วิธีเพิ่มศักยภาพการทำแคมเปญเพื่อสังคม

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

9215222_m

ระยะหลังเราเห็นแคมเปญแนว social experiment ที่ทดสอบความใจดี ความเป็นมนุษย์ ความเมตตาสงสารของผู้ถูกทดลองที่หลงเข้ามาโดยบังเอิญ (หรือหลายครั้งก็อาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้) รวมไปถึงแคมเปญปลูกป่า สร้างฝ้าย สร้างอาคารให้ชุมชน หลายแคมเปญก็รอดหลายแคมเปญก็ถูกตราหน้าว่ามา PR ตัวเอง เห็นได้ว่าการทำแคมเปญลักษณะนี้ไม่ให้ “แป๊ก” ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมการกระทำของคนที่จะมาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณได้ นอกจากนี้ยังสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องในประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวหากภาพที่ออกมาดูหยาบคายเกินไป

ปัจจุบัน ทุกองค์กรเริ่มสนใจเรื่อง CSR และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากโปรโมทองค์กรด้วย social campaign แล้วล่ะก็ ลองดู 4 เทคนิคที่ PR Daily จัดให้กับคุณก่อนดีกว่าครับ

1.หาให้ได้ว่าใครควรได้รับความช่วยเหลือ

เมื่อคุณทำงานในวงการดิจิตอล จุดเริ่มต้นแรกก็ใช้โซเชียลมีเดียเปิดดูตามองค์กรหรือตามโพสต์ของหน่วยงาน NGO ที่ต้องการความช่วยเหลือ พิจารณาดูว่าองค์กรไหนที่มีวิสัยทัศน์และต้องการสิ่งที่คุณอยากจะให้ (เช่น ถ้าคุณแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก ก็ควรเลือก NGO ช่วยเหลือเด็กกำพร้า) อย่าเลือกองค์กรหนึ่งๆ เพราะเขาดัง ความดังไม่ทำให้คุณดูใจบุญมากขึ้นหรอก

2.ติดต่อ partner ที่คุณต้องการ

การให้ไม่ใช่เรื่องของผู้ให้อย่างเดียว หลายองค์กรมีกฏว่าคุณจะสามารถให้หรือช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้บ้าง ตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่สามารถรวมคนเป็นร้อยเพื่อไปโผล่ที่โรงเรียนและมอบอาหารให้เด็กๆ ในโรงเรียนเด็กกำพร้าเนื่องจากนั้นอาจละเมิดกฏหมายความเป็นส่วนตัวของนักเรียน ดังนั้น การติดต่อสื่อสารถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก

3.ถามว่าองค์กรต้องการอะไรกันแน่

อยากรู้ว่าอะไรที่เขาประทับใจ? ก็ถามเขาสิครับ กลุ่มพนักงานในองค์กรนั้นๆ จะรู้ดีที่สุดว่าเขาต้องการอะไร แต่อย่าไปอย่างว่างเปล่า ลองศึกษาองค์กรหรือดูหน้างานดูว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการน่าจะเป็นอะไรแล้วลองเสนอดูสัก 10 อย่าง อย่างไรก็ตาม ถามความเห็นพวกเขา ไม่ใช่บอกว่า “ฉันจะให้สิ่งเหล่านี้นะ เธอก็รับไปเถอะ”

4.ใช้โซเชียลมีเดียรวบรวมอาสาสมัครและกระจายข่าว

ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาของพระเอกของเราคือโซเชียลมีเดียแล้วครับ หน้าที่หนึ่งของโซเชียลมีเดียคือการเป็นบอร์ดประกาศข่าวที่ดีมากเนื่องจากคนที่เห็นสามารถแชร์มันออกไปได้เพียงปลายคลิก ลองตั้ง channel เฉพาะกิจให้พวกเขารวมตัวกันพูดคุยก็ได้ ไม่แน่คุณอาจได้ไอเดียใหม่ๆ และได้ consumer insight เพิ่มอีกด้วย

ส่วนตัวผมเห็นว่าคีย์หลักของการทำแคมเปญลักษณะนี้คือการพึงระลึกเสมอว่า “การให้” ไม่ได้มีด้านบวกอย่างเดียวเสมอ เช่น ถ้าคุณออกค่ายสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียนที่ไม่รู้จะหาหนังสือที่ไหนมาใส่เข้าไป มันก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้น คิดอย่างรอบด้านและทำให้มั่นใจว่าการให้ของคุณจะไม่กลายเป็นภาระของคนได้รับในภายหลัง

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง