รู้จัก Gartner Hype Cycle เครื่องมือทำนายอนาคตของนักการตลาด

  • 25
  •  
  •  
  •  
  •  

นักการตลาดหรือผู้บริหารด้านการตลาด, ข้อมูล หรือนวัตกรรมนั้นการมีข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่จะโฟกัสธุรกิจได้ถูกต้อง หนึ่งในข้อมูลที่มีนักการตลาดหลายคนสนใจคือข้อมูล insight และการล่วงรู้ถึงเทรนด์ว่าอะไรกำลังจะมาหรืออะไรกำลังจะไป เพื่อสามารถเอาแผนการตลาดหรือโฟกัสทางธุรกิจเพื่อเข้าไปเตรียมรับมือก่อน และหนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจที่ออกมาทุกปีนั้นคือ Hype Cycle จาก Gartner

Hype Cycle เป็นคนที่ใช้เพื่อแสดงภาพของขั้นตอนของวัฏจักรเรื่องใด เรื่องหนึ่ง ซึ่ง Hype Cycle นั้นถูกใช้กับเรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องแรก จากการที่เทคโนโลยีนั้นเกิด ขึ้นถึงสู่จุดสุดยอด ตกลง และอยู่รอดหรือตายไป โดยที่ทำให้เรื่อง Hype Cycle นั้นเป็นที่นิยมได้บริษัท Gartner ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านการเทคโนโลยี นักการตลาดหลาย ๆ ที่นั้นใช้ Hype Cycle ในการเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะลงทุนในความเสี่ยงกับเทคโนโลยีต่าง ๆ แค่ไหนที่เกิดขึ้น จากการค้นคิดเรื่อง Hype Cycle ของนักวิเคราะห์ Jackie Fenn ของ Gartner ในปี 1995 ผ่านมา 20 กว่าปีในตอนนี้นั้น Hype Cycle ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับกระแสต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีออกต่อไป แต่มีเรื่องราวอื่น ๆ ในตลาดต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น Advertising, Digital Marketing, Health care

ใน Hype Cycle ของ Gartner นั้นจะแบ่ง Phase ของกระแสนั้น ๆ ออกเป็น 5 Phase ด้วยกัน นั้นคือ

Hype-Cycle-General1-e1432759004441

  1. Technology trigger – Technology trigger นั้นเป็น Phase แรกของการเข้ามาของเทคโนโลยีนั้น ๆ หรือกระแสเกิดใหม่นั้น ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมหรือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเหตุการณ์ที่รับรู้ได้จากการเปิดตัวสินค้า, การแสดงตัวเทคโนโลยีนั้นต่อสื่อและอื่น ๆ  สิ่งที่เกิดขึ้นจาก Phase นี้คือการทำเทคโนโลยีนั้น ๆ ให้เป็นที่รู้จักของสังคม แต่หลาย ๆ ครั้งนั้นเทคโนโลยีนั้น ๆ อาจจะยังไม่สามารถหากำไร  นำมาทำธุรกิจได้ หรือยังไม่สามารถใช้ได้จริง และในขั้น Technology trigger นี้เองจึงเป็นขั้นสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเข้าไปใช้ในสังคมให้ได้ และเกิดกลายเป็นธุรกิจขึ้นมาได้
  2. Peak of inflated expectations นี้เป็นขึ้นตอนต่อมาจาก Technology trigger  โดย Peak of inflated expectations เป็นการไต่ของเทคโนโลยีนั้น ๆ เข้าสู่จุดสุดยอด ซึ่งเป็นการเกิดกระแสข่าวมากมายของเทคโนโลยีนั้น ๆ จากสื่อต่าง ๆ และมีการใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งบางเทคโนโลยีอาจจะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย และบางเทคโนโลยีอาจจะล้มเหลวและหายไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเทคโนโลยีนั้นว่าจะสามารถดันการคิดค้นตัวเองเข้าถึงจุดความสำเร็จได้ไหม เทคโนโลยีที่เข้าถึงสู่จัดสุดยอดได้อาจจะกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็ขและทำรายได้มหาศาลมากมายกลับไปได้
  3. Trough of disillusionment เป็นจุดหลังขึ้นถึงสู่จุดสุดยอดไปแล้ว เทคโนโลยีหรือกระแสนั้น ๆ จะเริ่มได้ความนิยมลดลง หรือมีกระแสที่ตกลง ซึ่งจะมาถึงจุดที่สื่อต่าง ๆ นั้นหมดความสนใจลงในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนั้น ๆ ไป กระแสและเทคโนโลยีนี้จะหลายเป็นเรื่องที่ไม่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องราวที่คนอยากรู้และอยากตามอีกต่อไป แม้กระทั้งผู้สร้างหรือผู้คิดค้นเองก็ไม่มีจุดประสงค์ที่จะสร้างเรื่องราวให้กับเทคโนโลยีเพื่อเป็นกระแสอีกต่อไป จุดของ Phase นี้เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถรักษากระแสของตัวเองได้นาน แต่บางเทคโนโลยีนั้นก็สามารถรักษากระแสได้ ทำให้การตกลงของกระแสนั้นจะเกิดช้าหรือค่อย ๆ เกิดไป
  4. Slope of enlightenment เป็น Phase ที่ผู้บริโภคนั้นเริ่มเข้าใจว่าเทคโนโลยีนั้นมีประโยชน์หรือมีผลต่อชีวิตอย่างไร และเทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มไม่ใช่กระแสแบบอดีต แต่พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้จริง อยู่ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งนี่เป็นผลจากการทำงานหนักและการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขององค์กรต่าง ๆ ด้วยการทำงานหนักขององค์กรเหล่านี้ทำให้เข้าใจความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ เมื่อเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ว่ามีผลอย่างไรต่อชีวิตแล้วก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ใช้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ นั้นเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยธุรกิจให้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งในขั้นนี้จะเกิดสินค้ามากมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้
  5. Plateau of productivity  เป็นขั้นสุดท้ายของเทคโนโลยีที่เทคโนโลยีนั้นกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และถูกใช้มากมายในสังคมแล้ว การใช้เทคโนโลยีนี้อยู่ในจุดที่มีความนิ่งและคงที่แล้ว ซึ่งหากเทคโนโลยีนั้นมีการปรับปรุงหรือมีการดัดแปลงให้ดีขึ้นก็จะเข้าไปสู่วัฏจักรแรกต่อไป

ใน Hype Cycle นี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจอรกเช่นการแบ่งอายุขัยของเทคโนโลยีนั้น ๆ ว่าจะอยู่ในกระแสนานแค่ไหน ซึ่งมีอายุตั้งแต่น้อยกว่า2 ปี จนถึง มากกว่า 10 ปี ทำให้นักการตลาดนั้นสามารถล่วงรู้ได้ว่าเทคโนโลยีชิ้นไหนจะคงอยู่นานหรือไม่นาน

HC_ET_2014.jpg;wadf79d1c8397a49a2

Gartner นั้นแบ่ง Road map ของ Digital Business จาก Gartner Hype cycle ปี 2014 ไว้น่าสนใจว่าจากยุคเทคโนโลยีทั้งหมด  6 ยุคซึ่ง และองค์กรนั้นสามารถใช้เพื่อดูว่าตัวเองอยู่จุดไหนในตอนนี้และอนาคตจะได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเป้นอะไรได้ โดยทั้ง 6 ยุคมีดังนี้คือ

  1. Analog
  2. Web
  3. E-Business
  4. Digital Marketing
  5. Digital Business
  6. Autonomous

จากเทรนด์ Hype Cycle ปี 2014 ที่ Gartner ออกมา นั้นระบุว่าโลกของเรานั้นกำลังเข้าสู่ยุคที่ 4,5 และ 6 ต่อไป (จากความรู้สึกของผู้เขียนคือเรากำลังอยู่ในยุคที่ 5 แล้ว) โดยยุค 4,5 และ 6 คือ

  • Digital Marketing เป็นยุคที่มีการตื่นตัวของเรื่องมือถือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ และข้อมูล ทำให้องค์กรนั้นมีความตั้งใจที่จะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้ และสร้างการตลาดที่จะเข้าถึงผู้บริโภคผ่านทาง Digital

เทคโนโลยีในช่วงนี้คือ  Software-Defined Anything; Volumetric and Holographic Displays; Neurobusiness; Data Science; Prescriptive Analytics; Complex Event Processing; Big Data; In-Memory DBMS; Content Analytics; Hybrid Cloud Computing; Gamification; Augmented Reality; Cloud Computing; NFC; Virtual Reality; Gesture Control; In-Memory Analytics; Activity Streams; Speech Recognition.

  • Digital Business  เป็นยุคที่มีการเชื่อมโยงผู้คนกับโลก Digital ให้สะดวกสบายขึ้น โดยเป็นการเชื่อมโยงระหว่างคน ธุรกิจและสิ่งของเข้าด้วยกัน และตรงนี้เป็นเรื่องของ IoT และ VR, AR นั้นเริ่มเป็นที่เข้าใจและใช้มากขึ้น Digital กลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจไป

เทคโนโลยีในช่วงนี้คือ Bioacoustic Sensing; Digital Security; Smart Workspace; Connected Home; 3D Bioprinting Systems; Affective Computing; Speech-to-Speech Translation; Internet of Things; Cryptocurrencies; Wearable User Interfaces; Consumer 3D Printing; Machine-to-Machine Communication Services; Mobile Health Monitoring; Enterprise 3D Printing; 3D Scanners; Consumer Telematics.

  •  Autonomous เป็นยุคสุดท้ายของยุคนี้เป็นการช่วงเวลาที่ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เข้ามาทำงานแทนคนได้ และหุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฏ์ต่าง ๆ มีความสำคัญขึ้นมา หลาย ๆ องค์กรเอาหุ่นยนตร์หรือระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เข้ามาทำงานแทน และสังคมโดยทั่วไปก็ใช้สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้นเช่นรถยนต์ที่เคลื่อนที่ได้เองโดยคนไม่ต้องสั่ง

เทคโนโลยีในช่วงนี้คือ Virtual Personal Assistants; Human Augmentation; Brain-Computer Interface; Quantum Computing; Smart Robots; Biochips; Smart Advisors; Autonomous Vehicles; Natural-Language Question Answering.  

จะเห็นได้ว่า Gartner Hype Cycle นั้นให้ภาพทั้งเทคโนโลยีที่จะมาและไป นอกจากนี้ยังทำนายระยะเวลาการอยู่ของเทคโนโลยีนั้น ๆ จนถึงยุคทางการตลาดต่าง ๆ ทำให้นักการตลาดนั้นสามารถเตรียมตัวรับมือหรือเลือกที่จะจับเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ Gartner ให้มานั้่ยังเป็นข้อมูลในการทำนายและเป็นข้อมูลให้นักการตลาดพึงรู้ไว้เท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบมากมายที่จะทำให้เทรนด์นั้นอยู่ หรือไปจากสังคมในปัจจุบันที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ต่อไป ทั้งนี้ใครสนใจก็สามารถเข้าไปศึกษาหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก Gartner ได้ต่อไป

ที่มา – Gartner 


  • 25
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ