ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณคงได้ยินข่าวที่ว่า Instagram เตรียมปรับอัลกอริทึมบน Timeline ใหม่ ที่จะเรียงตามความสัมพันธ์จากภาพที่คุณสนใจ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนๆ นั้น โพสต์ก็จะถูกดันให้มาอยู่ลำดับแรกๆ ไม่เรียงตามเวลา คล้ายกับการทำงานของ Facebook ซึ่งการปรับอัลกอริทึมใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ ร้านค้าออนไลน์ และเหล่าเซเลปคนดังอย่างมาก เพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้ามียอดผู้ติดตามสูง แต่กลับมี Engagement น้อยกว่าที่ควร
วันนี้เรามีข้อเคล็ดลับสั้นๆ ในการปรับตัวของแบรนด์ ต่อการอัลกอริทึมใหม่ของ Instagram มาฝาก 5 ข้อ ดังนี้
อย่าขอให้ผู้ติดตามเปิดรับการแจ้งเตือนจากคอนเทนต์ของคุณ
ในกรณีนี้ ถ้าคอนเทนต์ของคุณดีพอ พวกเขาจะเปิดรับการแจ้งเตือนด้วยตัวเองโดยที่คุณไม่ต้องร้องขอ และถ้าคุณคะยั้นคะยอให้พวกเขาเปิดรับการแจ้งเตือนบ่อยๆ รับรองได้ว่าผู้ติดตามคุณจะลดลงไปแน่นอน สู้เอาเวลาเหล่านี้มาพัฒนาคอนเทนต์ให้โดนใจผู้บริโภคดีกว่า
เราเห็นอัลกอริทึมใหม่กันมาสักพักแล้ว
ในช่วงปีที่ผ่านมา การเติบโตของผู้ใช้ Instagram และ Organic Reach กำลังลดลงเรื่อยๆ มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่า เพราะ User ไม่เห็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพในหน้าฟีดของตัวเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนหน้านี้ใน Facebook มีช่วงหนึ่งที่คุณจะเห็นวิดีโอแมวน่ารักๆ อยู่เต็มไปหมด โดยที่คุณก็ไม่เคยกดไลค์ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพจนี้มาก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการปรับอัลกอริทึมใหม่ของ Facebook นั่นเอง
Social Media เป็นเรื่องของผู้บริโภค ไม่ใช่แบรนด์
Social Media เป็นเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าของคุณ เรื่องไหนที่พวกเขาให้ความสนใจ แบรนด์ก็ต้องจับทางให้ได้ และนำเสนอคอนเทนต์ที่ต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งเรื่องผิดพลาดที่หลายแบรนด์มักจะทำคือ เลือกทำคอนเทนต์ในแบบที่ตัวเองชอบ มากกว่าการให้ความสำคัญกับความชอบของผู้บริโภค
ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
สำหรับเคล็ดลับข้อนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค แบรนด์ของคุณก็จะกลับไปอยู่บนหน้าฟีดของพวกเขาได้ คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ย้อนกลับไปดูคอนเทนต์เดิมที่มีอยู่ แล้วดูว่าคอนเทนต์ประเภทไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อาทิ ภาพ วิดีโอ หรือคำคมสร้างแรงบันดาลใจ เมื่อรู้แล้วก็ลงมือทำแบบนั้นทันที
เลือกภาพสวยๆ แล้วซื้อโฆษณา
ตอนนี้สินค้าดี คอนเทนต์คุณภาพ อาจไม่เพียงพอที่จะดึงดูดผู้บริโภคอีกต่อไป แบรนด์จึงต้องซื้อโฆษณาบน Social Media เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ทั้งนี้ แบรนด์ไม่จำเป็นต้องซื้อโฆษณาทุกชิ้น ซื้อเฉพาะที่จำเป็นและเห็นว่าดี อาทิ การเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชั่น หรือแคมเปญต่างๆ ซึ่งการเสียเงินซื้อโฆษณาเพียงเล็กน้อย เพื่อแลกกับความสำเร็จที่จะได้รับ ถ้าคุณยังไม่เคย เราขอแนะนำให้ลองดู
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของ Instagram อาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจไม่น้อย แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการปรับตัว
