ถึงตอนนี้เราคงไม่จำเป็นต้องสงสัยกันอีกแล้วว่า Facebook ปรับ algorithm ซึ่งมีผลทำให้แฟนเพจของเราเห็นโพสต์ของแบรนด์ยากขึ้นจริงหรือไม่? แน่นอนมันเป็นเรื่องจริง ประเด็นคือกลยุทธ์แบบไหนที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงผู้อ่านและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดท่ามการสถานการณ์เช่นนี้ คำตอบจาก iCrossing ดิจิตอลมาร์เกตติ้งเอเจนซีบอกว่าแบรนด์ต้องใช้กลยุทธ์รับมือตามขนาด fanpage ของตัวเอง ไม่ใช่ใช้สูตร “รูป วีดีโอ ลิงค์” อย่างที่เราทำกันมาเสมอ
ส่วนหนึ่งของผลสำรวจที่น่าสนใจจาก iCrossing ระบุอีกด้วยว่า หลังจากมีการปรับ algorithm เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พวกเขาพยากรณ์ว่ายอด reach ของแบรนด์น่าจะลดลงโดยเฉลี่ย 16% ของฐานแฟนเพจทั้งหมด แต่สำหรับบางแบรนด์ที่มีแฟนเพจน้อยมันดิ่งวูบไปเหลือเพียง 1-2% เนื่องจากเมื่อมีคนเห็นโพสต์ของคุณน้อย (อันเนื่องมาจากคุณมีแฟนเพจน้อย) โอกาสที่โพสต์ของคุณจะไวรัลก็น้อย reach ก็น้อยตาม สรุปว่างานนี้แบรนด์ที่มีฐานแฟนเพจเยอะอยู่แล้วจะยิ่งได้เปรียบแบรนด์ที่มีฐานแฟนเพจน้อยหรือเพิ่งตั้งไข่เข้ามาในวงการ…
อืม โดยรวมผมก็ยังติดใจเรื่องเดิมว่าทำไมพี่มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ถึงมารีดเลือดกับปูอย่างนี้ล่ะฮาร์ฟ! แบรนด์ใหญ่เขามีปัญญาจ่ายได้ดันช่วยให้เขาไม่ต้องจ่าย กลับกันแบรนด์เล็กๆ แฟนเพจน้อยดันบังคับกลายๆ ให้เขาต้องจ่ายเงินโปรโมท เดี๋ยว SMEs ก็ตายกันหมดหรอกฮาร์ฟ!
สาระสำคัญ
- ถึงแบรนด์จะโพสต์มากขึ้นกว่า 38% แต่ยอด engagement ก็ยังลดลงอยู่ดี
- ยอด engagement ที่เปลี่ยนแปลงคิดเป็นเปอร์เซนต์หลังปรับ algorithm (เทียบตามฐานแฟนเพจ)
- รูปภาพอาจไม่ช่วยให้ยอด engagement เพิ่มได้เสมอไป
- จะโพสต์แบบไหนขึ้นอยู่กับฐานแฟนเพจ
- แบรนด์ควรพิจารณา ฐานแฟนเพจและเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
- อย่างไรก็ตาม ต้องทดลองโพสต์และศึกษาผลลัพธ์ด้วยตัวคุณเองด้วย