VISA เผย สินค้าแฟชั่นติดอันดับหนึ่งตลาดออนไลน์เอเชีย

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

จากตัวเลขล่าสุดของการสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก 1.57 พันล้านคน พบว่ามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเอเชียกว่า 6.5 ร้อยล้านคน หรือคิดเป็น 41.2% จากทั้งหมด โดยที่ 3 ประเทศหลักอย่างจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นประเทศที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดในเขตเอเชียแปซิฟิก จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทิศทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในเขตเอเชียแปซิฟิกจะเป็นแหล่งตลาดสำคัญของการค้า บนโลกออนไลน์ ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างรวดเร็วตามอัตราการเข้าถึงของอินเทอร์เน็ต

ดังนั้น วีซ่า จึงได้เปิดทำการสำรวจ VISA Ecommerce Consumer Monitor ขึ้น ซึ่งได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านทางออนไลน์จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอายุระหว่าง 18-49 ปี ทั้งหมด 2,294 คน จาก 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

จากผลการสำรวจของวีซ่าพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่จะนิยมซื้อสินค้าแฟชั่นจำพวกเสื้อผ้ารองเท้าสูงที่สุดคิดเป็น 55% ในขณะที่สินค้าประเภทหนังสือ 50% ตามด้วยเพลงดาวน์โหลด 49% บริการจองที่พัก 46%และสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอม สายการบินหรือจองตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งประมูลสินค้าออนไลน์คิดเป็น 43% เท่ากัน

เมื่อสังเกตเฉพาะการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์จากต่างประเทศแล้ว สินค้าประเภทแฟชั่นยังครองอันดับหนึ่งของสินค้าที่ผู้ตอบแบบสอบถามนิยมซื้อ โดยคิดเป็น 14% ในขณะที่การใช้บริการสายการบินหรือจองตั๋วเครื่องบินผ่านอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอันดับสองคิดเป็น 12% นอกจากนั้น การจองที่พักท่องเที่ยว การประมูลสินค้าออนไลน์ และบริการดาวน์โหลดเพลงอยู่ในอัตรา 10% เท่ากัน

สำหรับเหตุผลหลักที่เลือกซื้อสินค้าออนไลน์นั้น ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นเพราะมีอิสระที่จะเลือกซื้อสินค้าเวลาใดก็ได้ เหตุผลรองลงมาคือ สามารถเปรียบเทียบราคากับเว็บไซต์อื่นๆ ได้ และอันดับสามคือ สามารถค้นหาหรือเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ได้ง่าย สิ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามคาดหวังจากการซื้อสินค้าออนไลน์ 3 อันดับแรกก็คือ ความสะดวกสบาย ตัวเลือกในการชำระเงินที่หลากหลาย และความแม่นยำเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดของสินค้า

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่า นิยมเลือกซื้อสินค้าต่างๆ บนเว็บไซต์ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีรายชื่อประเทศอื่นๆ เข้ามาอยู่ในอันดับเป็นบางส่วน เช่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เป็นต้น ในขณะที่ประเทศจีนมีผลสำรวจที่ต่างออกไปคือ เลือกซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์ฮ่องกงเป็นอันดับหนึ่งถึง 37% เนื่องจากความแตกต่างทางด้านภาษาที่ใช้

ผลการสำรวจยังให้ข้อมูลว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีในการจับจ่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศสูงถึง 871 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 34% หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนเงินที่ใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉลี่ยคือ 2,526 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งประเทศที่มียอดการใช้จ่ายผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศโดยเฉลี่ยสูงที่สุดในภูมิภาคก็คือ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ

ในแง่ของความปลอดภัยด้านระบบชำระเงินออนไลน์นั้น ผู้ตอบแบบสอบถาม 29% กล่าวว่า ไม่กังวลในการใช้เลย เนื่องจากมีประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน และ 55% กล่าวว่า มีความกังวลบ้าง แต่ยังเลือกที่จะใช้บริการอยู่ ในขณะที่ 16% ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความกังวลอยู่ ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 65% ให้ความเห็นว่า ถ้าระบบความปลอดภัยน่าไว้วางใจ ก็มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่านี้

นอกจากนั้น ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นถึงนิยามความไว้วางใจของผู้บริโภค ซึ่งกล่าวว่า เป็นการชำระเงินที่ได้รับการรับรองจากทางธนาคาร 46% ใช้จ่ายผ่านเว็บไซต์ที่ขายสินค้าระบุว่ามีขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย 45% ทางธนาคารยืนยันความปลอดภัยของระบบชำระเงิน 37% และบริษัทที่ให้บริการด้านรับชำระเงินยืนยันความปลอดภัยของระบบ 28%

อ่านฉบับเต็มได้ในนิตยสาร อีคอมเมิร์ซ ฉบับที่ 133 มกราคม 2553


  •  
  •  
  •  
  •  
  •