หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ ไม่มีทางทีใดๆ เกี่ยวกับประเด็นร้อน Cambridge Analytica ล่าสุดมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ได้ออกมาพูดผ่านสื่อและ Facebook ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
มีรายงานว่าหุ้นของ Facebook ร่วงตกลงไปเกือบ 7% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าหนักหน่วงสุดของการที่หุ้นตกภายในวันเดียว ในรอบ 5 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปิดเผยข้อมูลและแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ กว่า 50 ล้านคน โดยบริษัท Cambridge Analytica วิเคราะห์ข้อมูลทางการเมือง
ถ้ายังพอจำกันได้ Facebook เคยมีประเด็นสุดอื้อฉาวกรณี “Cambridge Analytica” ที่ปล่อยให้บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการเมืองเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้กว่า 87 ล้านบัญชี เพื่อประโยชน์ทางการหาเสียง
หลังจากที่ Facebook เผยเรื่องข้อมูลผู้ใช้หลุดไปยัง Cambridge Analytica มากกว่า 87 ล้านราย ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น และก็มีผู้ใช้บางส่วนที่ตัดสินใจลบแอปฯ Facebook จากมือถือทันที
เป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสำคัญมากกับการที่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Facebook โซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของโลก เข้าให้ปากคำต่อ คณะกรรมาธิการยุติธรรมและพาณิชย์ วุฒิสภา สหรัฐอเมริกา กรณีอื้อฉาว Cambridge Analytica ซึ่งมีการนำข้อมูลส่วนตัวยูเซอร์ออกไปใช้ตามรายงานล่าสุดคือมากถึง 87 ล้านแอคเคาท์ และที่สำคัญยังอาจเกี่ยวพันกับแคมเปญหาเสียงทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย
หลังจากที่มีปัญหาเรื่องข่าวฉาวของ Cambridge Analytica รวมทั้งข่าวการนำข้อมูลของยูเซอร์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุด ทางผู้บริหาร Facebook ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าได้มีการอัพเดทการใช้งานให้เพิ่มความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการจัดการความเป็นส่วนตัว พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ได้ทำการเก็บหรือแชร์หรือนำข้อมูลส่วนตัวของยูเซอร์ไปใช้งาน
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักการตลาดว่าในปัจจุบันโลกได้เดินไปสู่ยุคของการให้ความสำคัญกับ Data Privacy มากขึ้น ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ง่ายขึ้น ทำให้การที่จะใช้ Data จากแพลทฟอร์มต่างๆไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google…
บริษัทที่เล่นกับเครือข่าย เล่นกับข้อมูล และ AI ก็กำลังเจอกับเรื่องท้าทายที่ซีเรียสกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์อคติ, Fake News ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ฯลฯ
ทุกวันนี้เรียกได้ว่า ‘เทคโนโลยี’ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่หมุนรอบตัวเราแทบจะ 24 ชั่วโมง โดยในแต่ละปีนั้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายให้กับมนุษย์อย่างต่อเนื่อง งานวิจัยประจำปีฉบับล่าสุดของ Wunderman Thompson Intelligence ได้เปิดเผย 100 เทรนด์แห่งอนาคต (The future 100) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถปรับตัวได้ทันและเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในทศวรรษข้างหน้านี้
ปรับเงื่อนไขการใช้งานส่วนต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ Facebook ได้ประกาศรีเฟรซ “Privacy Check-Up” เพื่อให้สิทธิ์ผู้ใช้งานได้เลือกจำกัด หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง
ปัจจุบัน Libra ยังไม่มีการเปิดให้ใช้งานจริง แต่ทาง Facebook ก็มีแผนผลักดันออกมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาคนที่ติดตามเรื่องนี้คงคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว เกี่ยวกับข้อดีที่ Mark Zuckerberg เล่าฝันถึงการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลหากสกุลเงินมีการใช้งานจริง แต่ขึ้นชื่อว่าเหรียญย่อมมี 2 ด้าน และนี่คือข้อควรคำนึงก่อนใช้งาน Libra
Facebook ได้มีการประกาศผ่านทาง Facebook Newsroom ระบุว่า กำลังเตรียมการเปิดตัวแอปพลิเคชันตัวใหม่ ชื่อว่า “Study from Facebook” แอปฯ สำหรับเก็บข้อมูลเพื่อทำการวิจัยทางการตลาด ให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อแลกกับเงินจำหนวนหนึ่ง ที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
แม้ปี 2018 จะเป็นปีที่ดีของ Facebook ในแง่รายได้ และจำนวนผู้ใช้งาน ที่เติบโตเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นปีที่หนักหนา ในแง่ของข่าวคราวการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และข่าวข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook รั่วไหล ทำให้ Mark Zuckerberg ต้องออกมาย้ำในงาน F8 ปีนี้ ถึงวิสัยทัศน์ที่ว่า “The Future is Private”
ในโลกที่เราต้องอยู่กับอินเทอร์เน็ต เราเอาข้อมูลของเรา (Personal Data) ไว้บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลที่กรอกลงบน Facebook ภาพถ่ายเซลฟี่บน Instagram…
แม้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะถูกเรียกว่าเป็นอดีต แต่ดูเหมือนในระยะหลังมานี้ Facebook จะมีอดีตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความปลอดภัยข้อมูล และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอกอยู่หลายครั้งหลายหน
ไม่แน่ใจว่าเป็นปีชงของ Facebook หรือยังไง นอกจากมรสุมหนัก ๆ ที่เจอมาหลายครั้งในปีนี้ ล่าสุด มีการเปิดเผยในบล็อกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ว่า พบ Bug อยู่ในซอฟต์แวร์ภาพถ่าย
ในช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ฯ หลังจากตลาดหุ้นเปิดซื้อขายไม่นาน หุ้น Facebook ดิ่งลงไป 19.6% โดยราคาลงต่ำสุดที่ 174.48 ดอลลาร์ จากเมื่อวานราคาปิดอยู่ที่ 217.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดของ Facebook หายไปประมาณ 120 พันล้านเหรียญ
GDPR ข้อกำหนดสำคัญที่ทาง EU จะเริ่มใช้สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว ซึ่งหลาย ๆ คนในประเทศไทยเองไม่เข้าใจว่าจะมีผลต่อผู้ประกอบการในประเทศไทยอย่างไร และจะเตรียมรับมืออย่างไร
แม้จะเกิดกรณีฉาวเรื่องของรักษาความลับของผู้ใช้งาน รวมทั้งการติดแฮชแท็ก #DeleteFacebook ที่ร่วมกันบอยคอต ทำให้มองว่าสิ่งนี้จะกระทบกับรายได้ของ Facebook ไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่เป็นเช่นนั้น
Facebook เผชิญกับวิกฤติศรัทธาว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ควรใช้เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างปลอดภัยหรือเปล่า? เรามาดูข้อสงสัยผ่าน 2 วันเต็มในการสอบสวนครั้งนี้กัน
เมื่อยุคแห่ง Data มาถึง นักการตลาดหลาย ๆ คนคาดหวังว่าอยากจะเก็บข้อมูลเอาไว้ แต่การกระทำนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดการผิดกฏหมายในประเทศนึงได้ และคุณกลายเป็นคนร้ายไม่รู้ตัว
ตอนนี้ในวงการเทคฯ กำลังจับตาสงครามน้ำลายระหว่างเจ้าพ่อมือถือกับเจ้าพ่อแพล็ทฟอร์มยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Tim Cook ซีอีโอ Apple และ Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Facebook จนถูกเอาไปเรียกเล่นๆ ว่าเป็น Cook v Zuck
มีรายงานข่าวว่า เป็นไปได้ที่ Facebook อาจจะแอบเก็บข้อมูลการโทรและการส่งข้อความจากมือถือที่เป็นระบบ Android และยังเชื่อว่าทำมาแล้วหลายปีด้วย อย่างไรก็ตาม ทางแพล็ทฟอร์มยักษ์ปฏิเสธเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับระบุว่าเก็บเฉพาะผู้ที่ยินยอมเท่านั้น
เมื่อวานนี้ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ประกาศถึงก้าวใหม่ที่สำคัญต่อแพลตฟอร์มของเราในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติต่อการใช้งานข้อมูลในทางที่ผิดซึ่งอาจเคยเกิดขึ้นในอดีต พร้อมเตรียมมาตรการป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต ทั้งหมด 6 ข้อดังนี้
หลังจากที่เรารายงานข่าวหุ้น Facebook ร่วงหนักไปแล้ว (คลิกอ่านข่าว) ล่าสุด ก็มีรายงานอีกแล้วว่า หุ้น Facebook ตกลงอีกเป็นวันที่สอง โดยร่วงลงมาอีก 3% คิดเป็นมูลค่า 4.94 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ปีของบริษัท
การใช้ Data นั้นมีพลังมาก เพราะสามารถทำให้คน ๆ นึงสามารถขึ้นเป็นผู้นำประเทศได้ นี้คือบทเรียนจากใช้ Data จากการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มากกว่าการรายงานผลของข้อมูล