ย้อนกลับไปราวปี 1990 ดิจิตอลมาร์เกตติ้งเพิ่งถือกำเนิดขึ้นและยังไม่มีใครมีความรู้เกี่ยวกับมันมากนัก การลองผิดลองถูกในสมัยนั้นกลายเป็นคำแนะนำในสมัยนี้และทำให้คนรุ่นใหม่มีแนวทางในการทำการตลาดที่เกิดประสิทธิผลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความผิดบางอย่างยังเกิดซ้ำไปซ้ำมา ต่อไปนี้เป็นความคิดผิดถนัดของดิจิตอลมาร์เกตเตอร์ปัจจุบันที่ควรแก้ไขเสียที
1.คิดว่าการตลาดดิจิตอลเป็นส่วนเสริม
แบรนด์หลายแบรนด์เริ่มการทำแคมเปญจากสื่อกระแสหลักจากนั้นจึงเอาวัตถุดิบเหล่านั้นโยนมาให้ฝั่งดิจิตอลโดยให้เวลาน้อยนิด ไม่พอแก่การปรับแก้ไขอะไรมากนัก จำไว้ว่าสื่อดิจิตอลเองก็เหมือนสื่ออื่นๆ มันมีธรรมชาติของสารที่ต้องได้รับการปรับแก้ให้เหมาะสมและคุณไม่ควรจะทำชนิด “ขอให้มี” เท่านั้น
2.ไม่สานต่อ
แบรนด์ต้องจ่ายเงินเพื่อสร้างสินทรัพย์บนโลกดิจิตอล เช่น เว็บไซต์ เพจ Instagram และยังต้องจ่ายเงินเพื่อสร้าง traffic แล้วทำไมแบรนด์ส่วนใหญ่ถึงไม่ส่งแคมเปญที่ทำเฉพาะโลกออนไลน์ออกมาบ้างเลยเล่า นอกจากนี้ ช่องทางอินเตอร์เน็ตยังช่วยคุณเก็บข้อมูล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ได้อีกด้วย
3.live chat ตายแล้ว!
ไม่จริงเลย การที่แบรนด์ปล่อยให้ลูกค้าทิ้งข้อความไว้ใน Inbox แล้วอีกหลายวันมาตอบจะทำให้เขาโกรธมากถึงมากที่สุด ดังนั้น แม้จะเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารแต่ก็ต้องมีคนที่คอยมอนิเตอร์ข้อความจากลูกค้าแบบ live อยู่ดี
4.เปิดตัวและจากไป
แบรนด์ใหม่ๆ มันกตื่นเต้นกับโลกโซเชียลและสร้างแอดเคาท์บนทุกแฟลตฟอร์มก่อนจะรู้ว่า “เออ แบรนด์เราไม่เหมาะกับแฟลตฟอร์มพวกนี้เลย” ทางที่ดีที่สุดคือโฟกัสเฉพาะจุด อัพเดทสม่ำเสมอ และพยายามอัพตัวเองเป็นผู้นำเทรนด์ของลูกค้า
5.ไม่ทำ mobile และ tablet optimization
ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วว่ากระแสของโมบายยังไม่มา ทุกวันนี้อ่านไปทางไหนเราก็เห็นสถิติความนิยมของโมบาย การหาทางทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่นิยมบนโมบายเป็นโอกาสที่สำคัญในโลกปัจจุบัน
6.ประเมินทุกอย่างแต่ไม่ทำอะไรเลย
นักการตลาดถูกฝึกมาให้ทำแบบสำรวจ ถามความเห็น ทำรายงานมากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วคุณได้ใช้ผลการสำรวจเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง อันที่จริงแล้วคุณควรเริ่มด้วยการลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้าใจว่าตัวเลขแต่ล่ะตัวที่คุณเห็นมีความสำคัญอย่างไร
7.โพสต์รูปภาพจาก Google คือความล้มเหลว
แม้ยักษ์ใหญ่อย่าง Google จะเป็นแหล่งรวมรูปภาพ ข้อมูล และวีดีโอต่างๆ นานา แต่การอัพเดทสำหรับแบรนด์คุณก็ไม่ควรใช้ข้อมูลที่ค้นหาได้จาก Google เพราะผู้ใช้หลายคนจะมองว่าแบรนด์ช่างมักง่ายและไม่เหมาะจะเป็นผู้นำเทรนด์เอาซะเลย
