Jump Magazine…การตลาดกวนใจผ่าน Facebook

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

โดย ดร. ภิเษก ชัยนิรันดร์ www.facebook.com/Iampisek
เจ้าของผลงาน หนังสือ “การตลาดแนวใหม่ผ่าน Social Media” 

คราวก่อนบ่นเรื่องกิจกรรมทางการตลาดที่หลายๆ กิจการเน้นการให้กด Like โดยการเอารางวัลมาล่อไปแล้ว มาคราวนี้เป็นกรณีศึกษาที่แสบกว่าเก่า นำความรำคาญให้ชาวประชาคม Facebook เอือมระอา พร้อมไปถึงขั้นเกลียดวิธีการทางการตลาดที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ไปตามๆ กัน  มันนั้นหรือก็คือ “Jump Magazine Online” นิตยสารลดโลกร้อน ที่หน้าปกของเล่มแรกเป็นเหล่านักร้องสาวเกาหลีวง Wonder Girl (ที่คงไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นอน) โดยที่ทาง web site Jumponlinemag.com เป็นนิตยสารที่เกี่ยวกับสุขภาพกายและใจ ที่ไม่เน้นขายแต่แจกฟรี เพียงแค่สมัครออนไลน์เข้าไปเท่านี้เอง

ก่อนอื่น ไอ้เจ้านิตยสารนี้มันมีเงื่อนงำอย่างไร เดี่ยวผมจะเล่าให้ฟังในช่วงท้ายบทความ แต่วิธีการในการสร้าง Brand Awareness สิครับ ที่นำพาเสียงบ่นกันครึกโครมในโลกออนไลน์กันเลยทีเดียว  โดยที่เปิดรับสมัครทีมงานที่ช่วยกันโปรโมท โดยมีคุณสมบัติเพียงแค่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยใช้เงินตรามาล่อ คือ ถ้าเป็นงาน Part-Time จะได้รับค่าตอบแทนอยู่ระหว่าง 5,000 – 15,000 บาท แต่หากเป็น Full Time ละก็ ค่าตอบแทนจะอยู่ที่ 15,000 บาท ขึ้นไป การสมัครหรือก็ไม่ยาก เพียงแค่กรอกใบสมัครออนไลน์ จากนั้นจะมีเจ้าพนักงานโทรศัพท์กลับไป ปรากฏว่าคงมีคนเข้าสมัครเป็นจำนวนมากละครับ เราจึงได้พบกับผลงานการทำงานของเขาและเธอเหล่านั้นในการโปรโมทนิตยสารกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน กระหน่ำโพสต์ข้อความชวนเชิญเข้าสมัครทางหน้า Wall ที่เจอกันไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากนี้ไม่พอ อุตส่าห์ Tag รูปหน้าปกนิตยสารเข้าไปในส่วนของ Photo เรา ซึ่งคนใช้ Facebook ก็เกิดความประหลาดใจว่า วันดีคืนดี ดันมีรูปอะไรไม่รู้สอดแทรกเข้ามาอย่างไม่ได้รับอนุญาต เท่านั้นไม่พอ บรรดาพวกเขายังระดมเชื้อเชิญผ่านฟังก์ชัน Event ในหัวข้อร่วมโปรโมท ซึ่งส่งผลให้เข้าไปในส่วนของ Calendar ของคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ Black Berry อีกด้วย 

ยังไม่พอครับ ยังมีกลยุทธ์สร้าง Profile ปลอมๆ ที่เอารูปผู้หญิง Sexy จากไหนไม่รู้ มาเป็นตัวตนแทน เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างจำนวนเพื่อนๆ ซึ่งแน่ละ บรรดาหนุ่มๆ รีบแห่เข้าไปสมัครตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นชาย แต่ก็พบว่าที่แท้จริงตนติดกับในการที่จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับนิตยสารมหาภัยนี้ไปเสียแล้ว ทุกๆวันจะมีโฆษณาผ่านทาง News Feed ให้รำคาญสายตา

ไม่เพียงแต่ใน Facebook การตลาดแบบบอกต่อแบบยังแพร่ไปราวเชื้อไวรัสตามบอร์ดต่างๆ เรียกว่าไปทุกเว็บจะต้องเจอมัน เป็นเรื่องราวของคนอยากแบ่งปัน ที่คนไม่อยากจะรับความหวังดีนี้ เพราะเหมือนถูกบังคับไม่ให้ขัดขืน โยนข้อมูลให้แบบที่คุณจะต้องรับฟัง ทั้งๆที่หลายๆคนพร่ำวอนให้เลิกส่งมา แต่นักโปรโมทได้โล่ทั้งหลาย ก็ตั้งหน้าตั้งตาส่ง ไม่สนใจหัวจิตหัวใจของคนอื่น ราวกับไม่ใช่มนุษย์

จนทำให้คนใน Facebook บางส่วนอดรนทนไม่ได้ ทำการต่อต้านผ่านการตั้ง Facebook Page ซึ่งเท่าที่สำรวจมี 4 Page นั้นคือ “พวกเราเบื่อเกลียดรำคาญอีผีแมกกาซีนผีลดน้ำหนักหรือผีเฮอร์บาไลฟ์อย่างแร๊ง!!!” “คนเบื่อ Jump Magazine” “รำคาญ Jump Magazine Online” และ “มั่นใจว่าคนไทยในเฟสบุ๊ครำคาญจั้มแมกกาซีน” และคงมีอีกหลายๆ Page ที่ผู้เขียนยังไม่สำรวจพบ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้นอกจากเข้ามาต่อว่าต่อขานการโปรโมทดังกล่าวแล้ว ยังเอา Profile ของคนที่ทำหน้าที่โปรโมทมาบอกเล่าสู่กันฟัง เป็นการช่วยๆกันต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่าเป็น Social Sanction ก็ว่าได้ รวมไปถึงการรวมตัวกันฟ้องไปยัง “สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม” 

นอกจากนี้ยังมีคนใจดีช่วยกันบอกถึงวิธีการ Block โปรโมทขยะเหล่านี้. http://blog.pakorn.net/2010/08/spam-event-facebook.html  เอาละมาแลยตรงนี้นะครับว่า นิตยสารดังกล่าวมันไก่กา เอามาบังหน้า แต่กิจการที่อยู่เบื้องหลังก็คือ “เฮอร์บาไลฟ์” เจ้าเก่านั้นเอง เหตุที่ว่าเจ้าเก่าก็เพราะ กิจการแห่งนี้ใช้วิธีการนี้ก่อนที่ Social Network อย่าง Facebook จะมาบูม เพราะบอร์ดต่างๆล้วนเคยเจอประสบการณ์ที่ถูกถล่มด้วยข้อความโฆษณาสินค้านี้ จนหลายครั้งไม่อยากจะทำบอร์ดอีกต่อไป (รวมถึงผมเองด้วย)

ผมเคยคุยกับคนที่ทำการโปรโมทแบบนี้ พวกเขาเรียกมันว่า “Paradise Post” หรือการโพสต์ข้อความจากสวรรค์ ขณะที่ผมขอเรียกมันว่า “Hell Post” หรือข้อความนรกมากกว่า  มันนรกที่ทำให้คนทำเว็บไซต์อย่างผมหัวเสียและเครียด

สมมติว่าผมหลวมตัวสมัครเข้าร่วมทีมโปรโมท เขาจะเรียกผมไปที่ตึก เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ย่านสาธร ที่มีแทบทุกอาทิตย์ แต่แทนที่จะเรียนรู้เรื่องนิตยสาร กลับถูกเชิญชวนเข้าเป็นทีมขายเฮอร์เบอร์ไลฟ์ แถมถูกเรียกค่าสมัครคนละ 500 บาท  มองในแง่การตลาด ทำไมคนเหล่านี้ถึงใช้วิธีการล่อลวง ทั้งๆที่มันทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่เลวร้ายต่อกิจการ  ความโลภคือสิ่งสำคัญ หลายๆคนแม้รู้ว่าธุรกิจอย่างนี้ไม่ถูกต้อง แต่เหมือนถูกล้างสมองให้มองแต่ตัวเงิน จึงพยายามดันทุรังโพสต์ข้อความโปรโมทเหล่านั้นอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน เพียงเพื่อหาเหยื่อที่พร้อมจะกระโจนเข้ามา ด้วยหวังว่าความเป็นเศรษฐีจะอยู่ไม่ไกล


  •  
  •  
  •  
  •  
  •