ปาร์ตี้ Sode Station ปรากฏการณ์สำคัญของไทยดึงคนออนไลน์สู่ออฟไลน์กว่า 3,000 คน!

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อคืนวันพุธที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา หากใครไปย่าน RCA (โดยเฉพาะคนดิจิตอลที่ไปร่วมงาน Web Wednesday ที่ร้าน Route 66) อาจจะสงสัยเมื่อมองออกไปทางร้าน Slim แล้วพบว่าทำไมถึงมีคนมากมายต่อแถวเข้าร้านอย่างไม่ขาดสาย ยาวจนกระทั่งพื้นที่ด้านนอกเต็มเอี๊ยด คนยืนต่อแถวออกมาจนถึงอาคารฝั่งตรงข้าม ยิ่งกว่าปรากฏการณ์การยืนต่อซื้อโดนัทคริสปี้ครีมที่สยามพารากอน อย่างไรอย่างนั้น

เมื่ออยากรู้ จึงเดินออกไปดู พบว่า คือ งานปาร์ตี้ที่คนโสดมารวมตัวกันครั้งใหญ่ ใช้ชื่อเต็มๆว่า “SODE Station: สถานีคน มัน(ส์)โสด” ซึ่งจริงๆมันอาจจะไม่มีอะไรถ้าไม่รู้งานนี้เกิดจากการที่คนออนไลน์ออกมารวมตัวกัน ซึ่งอาจจะใหญ่ที่สุดในประเทศเท่าที่เคยมีมา เป็นการรวมตัวมาจากโลกออนไลน์อย่างเดียว คือจากเพจเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า H# คนร่วมงานมากกว่า 3,000 คน ทะลักทะล้น แน่นจนไม่มีที่ยืน ถึงขนาดช่วงห้าทุ่มก็ยังมีแถวต่อเพื่อเข้างาน เต็มจนเลยออกไปร้านอื่น ชนิดเปลี่ยน RCA จากความเงียบเหงาของวันพุธ ให้เสมือนกลายเป็นคืนวันเสาร์ที่เต็มไปด้วยความคึกคักในทันที

เมื่อลองเข้าไปมีส่วนร่วมในงาน สิ่งที่เห็นคือเต็มไปด้วยธีมปาร์ตี้คนโสด ไม่ว่าพร๊อพในงาน เกมที่ใช้เล่น ศิลปินที่มาร่วมแสดง เต็มไปด้วยความสนุกสนานเหมือนงานปาร์ตี้ปกติ แต่ถ้ามาลองคิดดูว่า ถ้านี่เป็นงานที่รวมตัวคนจากโลกออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จ ก็พบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจอยู่สองอย่าง

#อย่างแรก

งานนี้เป็นงานที่เกิดจากความร่วมมือของชุมชนออนไลน์สองแห่ง ที่แรกคือ เพจบนเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า H# คอมมูนิวตี้ชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมคนโสด มีแฟนมาตามไลค์อยู่มากกว่า หนึ่งล้านสองแสนคนทั่วประเทศ และอีกชุมชนหนึ่งคือ HIPKINGDOM ชุมชนของคน Nightlife ที่มีทั้งเวบไซท์และเฟสบุ๊ค กับสมาชิกกว่า หนึ่งแสนสองหมื่นคน เมื่อชุมชนทั้งสองแห่งรวมตัวกัน เคมีก็ลงตัวกันพอดี

คนกลุ่มแรกคือคนโสดที่อยากหายโสด ส่วนคนกลุ่มหลังคือนักจัดปาร์ตี้ เมื่อรวมกับเจ้าภาพสถานที่อย่าง Slim กลายเป็นว่า มีเหตุผลเพียงพอที่คนเหล่านั้นพร้อมจะตบเท้าออกจากโลกออนไลน์มาสู่โลกออฟไลน์ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นปาร์ตี้อีเวนต์ที่อาจทำให้เราได้มาเจอใครดีๆอีกคนบนโลกใบนี้ คนโสดอยากมาเจอคนโสด เป็นพลังดึงดูดที่คาดไม่ถึงทีเดียว ต้องมาเห็นหน้าคนที่มางานด้วยตนเองจึงจะรู้เองว่าเต็มไปด้วยความหวังและความสดชื่นเพียงใด ที่สำคัญงานนี้ไม่ได้เข้าฟรีเสียด้วย ราคาค่าเข้าของหนุ่มโสด 600 บาท สาวโสด 300 บาท ยังทำให้บรรดาหนุ่มโสดสาวโสดมากันอย่างล้นหลาม

#อย่างที่สอง

เป็นครั้งแรกที่เห็นคนจากออนไลน์ออกมาสู่ออฟไลน์ได้มากขนาดนี้ ส่วนมากที่เราเห็นอาจจะเป็นแค่การนัดพบของชาวเวบบอร์ด หรือรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆออกไปเจอกัน สังสรรค์กัน แต่ไม่เคยเห็นคนที่เดินออกจากออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ถึงเป็นพันๆพร้อมๆกันอย่างครั้งนี้มาก่อน จริงๆแล้วต้องนับว่าเป็นหนึ่งในความกลัวของนักการตลาดแทบทุกคนที่กังวลกับการทำตลาดดิจิตอล เพราะที่เคยเรียนรู้บอกต่อกันมาว่าพฤติกรรมดิจิตอลกับชีวิตจริงนั้นต่างกัน 

พฤติกรรมในชีวิตอีกอย่าง เมื่อเข้ามาสู่โลกออนไลน์เขาจะใช้ชีวิตอีกด้าน อย่างที่เราเคยอาจเคยได้ยินคำว่าเกรียนคีย์บอร์ด ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ที่จะทำการตลาดเพื่อลากคนออนไลน์ออกมาสู่ออฟไลน์  เพราะดูๆไปเหมือนเป็นโลกคู่ขนานกัน แต่ดิจิตอลยุคหลังนั้นคงไม่ใช่ หลังจากที่มีโซเชียลมีเดียที่ชื่อว่าเฟสบุ๊ค เฟสบุ๊คนนั้นต่างจากเวบบอร์ดสมัยก่อนหรือ Hi5 โซเชียลเน็ตเวิร์คยุคก่อนสามารถทำให้เราปกปิดตัวจริงจากสังคมออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ชื่อ username ที่ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง แต่เฟสบุ๊คนั้นไม่ใช่ เพราะเฟสบุ๊คส่งเสริมให้เปิดเผยตัวตนที่แท้ของเรา ไม่ว่าจะตาม interact กับใคร หรือตามไลค์เพจไหน เราทิ้งรอยเท้า (digital footprint) ไว้ให้คนอื่นตามรอยได้เสมอ เมื่อเป็นเช่นนั้น ในยุคเฟสบุ๊คเรามีการแสดงความจริงใจมากขึ้น ช่องว่างความแตกต่างเรื่องการแสดงตัวของโลกออนไลน์กับออฟไลน์ก็ลดลง อย่าลืมว่าพวกเขาคือคนปรกติที่ใช้ชีวิตปรกติเหมือนกับพวกเรา ออกไปดื่มกินหรือปาร์ตี้เหมือนกัน

โลกออนไลน์กับออฟไลน์จริงๆแล้วปัจจุบันไม่ได้แยกออกจากกัน แต่กลับส่งเสริมซึ่งกันและกัน นักการตลาดที่รู้ทันก็สามารถฉกฉวยพฤติกรรมที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันนี้ไปทำการตลาดหรือเพิ่มยอดขายได้ เมื่อก่อนจะกินอาหารเรามักจะถ่ายรูปโชว์เพื่อน ดังนั้นเราก็สามารถใช้พฤติกรรมนี้เป็นช่องทางโปรโมทสินค้าของกินได้  อย่างที่ไอศกรีมแมกนั่มเพิ่มยอดขายผ่านกระแส “ฟิน” ฟีเวอร์ผ่านเฟสบุ๊คมาแล้ว ดังนั้น เทรนด์ใหม่ที่มีคนบอกว่าในอนาคตอันใกล้ ที่รวมโลกออนไลน์และออฟไลน์ให้อยู่ด้วยกันได้ เห็นจะเป็นไปได้จริง อย่างที่ปรากฏการณ์ปาร์ตี้ “SODE Station: สถานีคน มัน(ส์)โสด” ระหว่าง Fan Page H# กับ Fan Page HIPKINGDOM ทำให้เห็นแล้ว คนออนไลน์ออกมาอย่างถล่มทลาย ทำลายความเชื่อเดิมๆหมดสิ้น ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะทำได้กลมกล่อมกว่ากัน

 

โดย Kittipat M.


  •  
  •  
  •  
  •  
  •