11 เรื่องผิดพลาด ที่ผู้ประกอบการมักจะเจอในการทำตลาดออนไลน์

  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-479430822-highlight

การจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จนั้นต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการทำความเข้าใจตลาด กลุ่มเป้าหมาย และการตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด อยู่ที่ว่าคุณสามารถแก้ปัญหา และเรียนรู้จากความผิดนั้นได้แค่ไหน

นี่คือบางส่วนของความผิดพลาดอันใหญ่หลวง ที่คุณเองก็มีโอกาสพลาดได้เหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง

1. ขาดความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

ถ้าอยากประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ ทำความเข้ากลุ่มเป้าหมาย การมีสินค้าและบริการที่ดีจะเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วจะขายสินค้าได้อย่างไร คุณต้องทุ่มเวลาที่มีเพื่อทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียดเสียก่อน

2. ขาดการวางแผน

การวางแผน นับเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จเลยก็ว่าได้ การวางแผนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการระดมความคิด และตัดสินใจร่วมกันในห้องประชุม แต่หมายถึง การวิเคราะห์ความต้องการ ความเป็นไปได้ จุดแข็ง-จุดอ่อน และกำหนดเป้าหมาย ซึ่งจะต่อยอดถึงการกำหนดงบประมาณในส่วนต่างๆ ทั้งนี้ เมื่อมีการวางแผนที่ดี ก็จะช่วยควบคุม และวัดผลการทำงานได้อีกด้วย

3. ไม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า

ในช่วงเริ่มต้น คุณต้องให้ความสำคัญในตัวสินค้าและบริการอย่างมาก พร้อมแสดงจุดยืนในตลาด ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย

4. หวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เป็นที่รู้กันว่า แคมเปญการตลาดไม่สามารถวัดผลได้ในวันเดียว ยกเว้นแต่ว่าแคมเปญนั้นไวรัลจริงๆ กว่าจะสิ้นสุดแคมเปญคุณต้องมีปัจจัยอื่นๆ มาเสริมมากมาย ทั้ง Pay-per-click, SEO และ Social media บางแคมเปญต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปีกว่าจะวัดผลได้

จะว่าไปแล้ว การตลาดออนไลน์ ก็เหมือนกันการวิ่งมาราธอน ต้องใช้เวลา และประสบการณ์กว่าจะถึงเส้นชัย

5. ไม่มีการจัดสรรงบประมาณ

มีผู้ประกอบการหลายรายที่ล้มเหลวในการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม บางครั้งการตลาดออนไลน์ก็ไม่ได้ใช้งบมากอย่างที่คิด พยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินไปกับสิ่งที่คุณเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ เน้นเฉพาะส่วนที่จะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจะดีกว่า

6. ใช้ Social Media หลายแพลตฟอร์ม

ยุคนี้ใครๆ ก็ใช้ Social Media เพราะเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด แต่สำหรับแบรนด์ การใช้ Social Media มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อแบรนด์ได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณใช้แพลตฟอร์มใดมากที่สุด เลือกมา 2-3 แพลตฟอร์มก็พอ หรือถ้าต้องการจะใช้ทั้งหมด ก็ต้องอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ

ถ้ายังไม่รู้ว่าจะใช้แพลตฟอร์มไหนดี ก็เลือกที่คนนิยมใช้มากที่สุดก่อนก็ได้ อาทิ Twitter, Facebook และ Instagram

7. ไม่ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์

คอนเทนต์ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการทำตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ คุณสามารถโพสต์อะไรก็ได้ที่อยากโพสต์ ทั้งวิดีโอ บทความ หรือ Infographic แต่ต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อย่าลืมว่า คอนเทนต์ที่ดีจะสามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ให้เป็นลูกค้าได้

8. ลืมความสำคัญของสมาร์ทโฟน

ในปีนี้ ทั่วโลกมีจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนสูงกว่าผู้ใช้เดสก์ทอปแล้ว และผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ก็จะใช้เพื่อค้นหาสถานที่ อ่านรีวิว เข้าเว็บไซต์ และใช้แอพพลิเคชั่น สำหรับแบรนด์ที่มีเว็บไซต์ ก็ต้องพัฒนาเว็บให้ง่ายต่อการใช้งาน รองรับทุกอุปกรณ์

9. ไม่สนใจการวัดผล

การมีไอเดียเจ๋งๆ และการลงมือทำเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากการเปิดตัวสินค้าหรือแคมเปญ นักการตลาดต้องวัดผล ROI เพื่อหาค่าตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งการวัดผลนี้ก็ไม่ต้องรอให้สิ้นสุดแคมเปญก็สามารถทำได้เช่นกัน เพื่อดูว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลหรือไม่ หากไม่ได้ผลก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันเวลา

10. ใช้ SEO แบบเก่า

ปัจจุบันการใช้ SEO หรือ Search Engine Optimization นั้นเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ Search Engine มีการเปลี่ยนแปลง การทำ SEO ก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย คุณต้องระวังเรื่องการเลือกใช้คีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดที่อยู่ในลิ้งก์ คีย์เวิร์ดที่อยู่ในบทความ ตอนนี้ Google ได้ออกมาเตือนเว็บไซต์ที่ทำผิดกฎของ Google Search Engine โดยการจัดอันดับแบบวิธีลัด ซึ่งเป็นการผิดกฎ และเอาเปรียบเว็บไซต์อื่นๆ สุดท้ายแล้วเว็บไซต์นั้นก็จะถูกแบบ และลบออกจากฐานข้อมูลทั้งหมด

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เว็บอยู่ในการจัดอันดับของการค้นหาคือ คอนเทนต์ที่ดี มีเนื้อหาตรงกับความต้องการของผู้อ่าน และดึงดูดความสนใจ

11. ไม่สามารถผสมผสานการตลาดแบบออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันได้

แม้เราจะอยู่ในยุคดิจิทัล แต่ก็ใช่ว่าการตลาดแบบออฟไลน์จะไม่สำคัญ ตราบใดที่คุณยังเห็นป้ายบิลบอร์ดอยู่ตามท้องถนน โฆษณาบนรถไฟฟ้า ที่มีแฮชแท็กของทวิตเตอร์อยู่ด้วย คุณต้องผสมผสานทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันให้ได้ เพื่อสร้างแคมเปญที่มีศักยภาพ และเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกระดับ

 

Source


  • 3
  •  
  •  
  •  
  •