ทำความรู้จัก ‘เบอร์แทรม’ แบรนด์แม่ของ ‘เซียงเพียว’ ในฐานะ Global Brand ซึ่งจะบุกตลาดด้วยยุทธศาสตร์ ‘มุ่งสู่สังคมที่ดีร่วมกัน’

  • 36.5K
  •  
  •  
  •  
  •  

Bertram_1

อยู่ในตลาดมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว สำหรับ ‘เซียงเพียว’ ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้ บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ซึ่งปีนี้ก็ครบรอบ 60 ปี และเป็นก้าวสำคัญในการสร้างให้ ‘เบอร์แทรม’ เป็น Corporate Brand ที่จะพาแบรนด์ต่าง ๆ ภายใต้ร่มเงาที่อนาคตจะมีมากกว่าเซียงเพียวไปพิชิตเวทีระดับโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘มุ่งสู่สังคมที่ดีร่วมกัน’

Bertram_2

จากจุดเริ่มต้นในปี 2501 กับยาหม่องน้ำ ‘เซียงเพียวอิ๊ว’ ที่ ‘คุณบุญเจือ เอี่ยมพิกุล’ ได้พัฒนาและต่อยอดจากตำหรับโบราณของซินแสชาวจีน จนประสบความสำเร็จสามารถก่อตั้ง ‘ห้างหุ้นส่วนจักรินทร์เภสัช’ ขึ้นมาในปี 2510  ก่อนจะเปลี่ยนมาอยู่ในรูปของบริษัทเมื่อปี 2525 ภายใต้ชื่อ ‘เบอร์แทรมเคมิคอล (1982)’

Bertram_3

จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก

กระทั่ง ‘คุณสุวรรณา เอี่ยมพิกุล’ ลูกสาวคนที่ 3 ได้เข้ามารับช่วงธุรกิจต่อ ในตำแหน่ง ‘ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร’ ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการผลิตสินค้าให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นและด้านการตลาด ตั้งแต่รีแบรนด์ ‘เซียงเพียวอิ๊ว’ มาเป็น ‘เซียงเพียว’ รองรับการขยายผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ในอนาคต

ผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวแรก ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเบอร์แทรมในการก้าวสู่ความเป็นสากล ถูกออกแบบมาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบัน เกิดขึ้นในปี 2548  กับ ‘เป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์’ (PeppermintField) ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยทั้งแบรนด์และแพ็จเกจ มีคนรุ่นใหม่อายุ 22 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มเป้าหมาย

Bertram_4

มาถึงจุดเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งในปี 2557 กับการใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดโรงงานใหม่ บนพื้นที่ราว 70 ไร่ ในย่านลำลูกกา คลอง 7 โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP PIC/S ตามมาตรฐานสหภาพยุโรป

Bertram_5

โดย GMP PIC/S เป็นมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวดมากกว่า GMP WHO มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ 1. GMP PICs มีข้อบังคับ 457 ข้อ ส่วน GMP WHO มี 77 ข้อ 2. น้ำและท่อส่งน้ำที่ใช้ในการผลิตมีความสะอาดสูงสุด(เป็นสแตนเลสเกรด 316L แบบเดียวกับที่ใช้ในร่างกายมนุษย์) และ 3.อากาศระบบ HVAC และห้อง Clean Room ที่มีความสะอาดสูงสุดเทียบเท่ากับห้องผ่าตัด

Bertram_6

เป้าหมายการลงทุนครั้งนี้ ไม่เพียงรองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคตเท่านั้น โดยในปี 2561 จะอยู่ที่ราว 80 ล้านชิ้น/ปี จากกำลังการผลิตเต็มที่ 200ล้านชิ้น/ปี ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ของเบอร์แทรมมีมาตรฐานและปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานโลก ซึ่งโรงงานใหม่ของเบอร์แทรม เป็นโรงงานผลิตยาหม่องและยาดมแห่งแรกในไทยที่ได้มาตรฐานนี้

‘One World One Brand’ยุทธศาสตร์พิชิตเวทีโลก

Bertram_7

สำหรับก้าวต่อไป ทาง คุณสุวรรณา เอี่ยมพิกุลประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด กล่าวว่า จะสร้างให้เบอร์แทรมเดินหน้าสู่ Global brand ในยุทธศาสตร์ ‘One World One Brand’  ที่ไม่ต้องการนำสินค้าแปะยี่ห้อไปขายเท่านั้น ยังต้องการนำค่านิยม และคุณค่าขององค์กรไปนำเสนอให้เป็นแบบเดียวกันหมดในทุก ๆ ประเทศที่เข้าไป นั่นคือ มุ่งสู่สังคมที่ดีร่วมกัน (BUILDING A STRONGER COMMUNITY FOR ALL) โดยจะสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSRโฟกัสไปยังกิจกรรมสำหรับสตรีและเด็ก เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก

การสร้างให้ ‘เบอร์แทรม’ เป็นแบรนด์ระดับโลก จะเห็นภาพชัดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และจะส่งผลให้เบอร์แทรมเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นหนึ่งองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีร่วมกัน

ขณะที่ในส่วนของโปรดักท์ มีแผนจะขยายอีก 3 แบรนด์ คือ แบรนด์สำหรับเด็ก , แบรนด์สไตล์ไทย ๆ และแบรนด์สำหรับวัยรุ่น จากตอนนี้เบอร์แทรมมีผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่อง ยาหม่องน้ำ และ ครีมบรรเทาอาการปวด ภายใต้แบรนด์ “เซียงเพียว” และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์” โดย‘เซียงเพียว รีลีฟ’ เป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นครีมบรรเทาปวดสำหรับผู้ชอบออกกำลังกาย

Bertram_8

สำหรับยอดขายในปี 2560 ของเบอร์แทรมอยู่ที่ 1,213 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1,320 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% มาจากยอดขายในประเทศและส่งออกในสัดส่วนเท่ากัน คือ 50% หากแยกเป็นแบรนด์ 70% มาจากเซียงเพียว 30% มาจากเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ โดยปัจจุบันโปรดักท์ของเบอร์แทรมส่งออกไปใน 15 ประเทศ ส่วนเป้าหมายต่อไปที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อเข้าไปปักธงให้ได้นั้น ก็คือตลาดใหญ่อย่างจีนและตะวันออกกลาง

Bertram_9

ส่วนมูลค่ารวมของตลาดยาหม่องน้ำในไทย จากการสำรวจของ AC Nielsen พบว่า ปัจจุบันมีมูลค่าราว 1 พันล้านบาท โดยยาหม่องน้ำเซียงเพียวเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งกว่า 70% ที่เหลือ 30% เป็นการเกาะกลุ่มกันประมาณ 10 แบรนด์

ขณะที่ตลาดยาดม จากการประเมินแบบคร่าว ๆ พบว่า ประชากรไทยราว 70 ล้านคนใช้ยาดมอย่างน้อย 10% และเดือนหนึ่งใช้ประมาณ 2 หลอดหรือคิดเป็นมูลค่าราว 40 บาท ทำให้คาดการณ์ว่า ตลาดยาดมมีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 3,300 ล้านบาทต่อปี โดย ‘ยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์’ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 20%


  • 36.5K
  •  
  •  
  •  
  •