ภายหลังจาก “ธนาคารแห่งประเทศไทย” (ธปท.) อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถแต่งตั้ง “Banking Agent” ซึ่งเป็นตัวแทนที่ธนาคารพาณิชย์ได้พิจารณาเลือกให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้บริการทางการเงินในบางประเภทธุรกรรมแทนธนาคารพาณิชย์ เช่น บริการรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน รับชำระเงิน จ่ายเงิน (ข้อมูลจาก SCB EIC)
นโยบาย Banking Agent สอดรับกับทิศทางอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในยุคดิจิทัล ที่ “ธนาคาร” ลดการลงทุนด้านสาขา (Physical Shop) และขยายการลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม Mobile – Internet Banking มากขึ้น เพื่อให้การทำธุรกรรมการเงินพื้นฐาน เช่น ฝาก – ถอน – โอนเงิน – ชำระค่าสินค้า-บริการ ไปอยู่บนสมาร์ทโฟน หรือบนอินเทอร์เน็ต
ในขณะที่ “สาขา” จะเน้นให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อน และพนักงานประจำสาขา จะถูกพัฒนาให้เป็น Financial Advisory มากขึ้น
โดยธนาคาร ต่างมองว่าแนวทางนี้ ช่วยทำให้ธนาคารลดต้นทุนด้านสาขา และบุคลากร ขณะเดียวสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่เชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา และทำทุกอย่างผ่านสมาร์ทโฟน และการมี Banking Agent จะทำให้บริการของธนาคาร สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
“ไปรษณีย์ไทย” เนื้อหอม โดนแบงก์รุมจีบ !!
ด้วยเหตุนี้เอง ธนาคารต่างๆ ในไทย เดินหน้าหาพันธมิตรที่จะมาเป็น “Banking Agent”
หนึ่งในรายที่ธนาคารต่างรุมจีบมากที่สุด คือ “ไปรษณีย์ไทย” เพราะมีศักยภาพด้านเครือข่ายสาขา “ที่ทำการไปรษณีย์ไทย” ของ ปณท ดำเนินการเอง มากกว่า 1,000 แห่ง จากเครือข่ายสาขาไปรษณีย์ไทย ทั้งหมดกว่า 5,000 แห่ง (อีกกว่า 3,000 แห่ง เป็นที่ทำการไปรษณีย์เอกชนอนุญาต และศูนย์ไปรษณีย์)
“ไปรษณีย์ไทย” ได้เปิดบริการ “ตัวแทนธนาคาร” เป็นรายแรกของไทย ตั้งแต่ปี 2554 ภายใต้ชื่อ “Bank@Post” (แบงก์@โพสต์) เป็นบริการตัวแทนธนาคารที่ไปรษณีย์ไทยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ปัจจุบันสามารถฝาก–โอนได้ในวงเงิน 20,000 – 50,000 บาทต่อรายการขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยไม่ต้องใช้สมุดบัญชี สามารถตรวจสอบยอดเงินได้ทันที
ล่าสุด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ปรับลุคบริการ “Bank@Post” พร้อมประกาศเป็นตัวแทนธนาคารที่รองรับสถาบันการเงินจำนวนมากที่สุดถึง 10 ธนาคาร !!!
ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย, ธนาคารทิสโก้ และ ธนาคารทหารไทย
โดยปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย สามารถใช้บริการที่สาขาของไปรษณีย์ไทย ได้ 964 แห่ง ส่วนอีก 7 ธนาคาร สามารถใช้บริการที่สาขาไปรษณีย์ไทยได้ทั้งกว่า 1,000 แห่ง
“ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยถือเป็นตัวแทนธนาคารที่รองรับสถาบันการเงินจำนวนมากที่สุดถึง 10 ธนาคาร โดยตลอดปี 2561 มียอดธุรกรรมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2562 ในช่วงต้นปีพบว่า ยอดต่อเดือนสูงกว่าปีที่แล้วเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะในเขตภูมิภาค ซึ่งสาขาของธนาคารครอบคลุมไม่ถึงในบางพื้นที่ ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินงานของธนาคารในปัจจุบัน มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามารองรับพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้ามากกว่าการขยายสาขาเพิ่ม
นี่จึงทำให้ “ไปรษณีย์ไทย” เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้บริการด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมเข้าถึงทุกพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ รับหน้าร้อน ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการฝาก-โอนผ่านบริการ Bank@Post เหลือเพียงรายการละ 5 บาท ทุกธนาคาร ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2562 โดยคาดว่าจะทำให้ยอดธุรกรรมเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50 % หรือมากกว่าแสนรายการในช่วงดังกล่าว” คุณสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าว
เตรียมติดตั้งเครื่องยืนยันตัวตน “e-KYC”
นอกจากธนาคารทั้ง 10 แห่งแล้ว “ไปรษณีย์ไทย” ยังมีโครงการร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ตลอดจนการเพิ่มธุรกรรมการเงินใหม่ๆ เช่น บริการถอนเงิน และการเปิดบัญชี
รวมไปถึงโครงการติดตั้งเครื่อง “e-KYC” หรือเทคโนโลยีการระบุตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในอนาคต หลังจากที่สถาบันการเงินต่างๆ เริ่มนำมาใช้อย่างเป็นทางการ
และเมื่อเร็วๆ นี้ ไปรษณีย์ไทย เปิดให้บริการการเงินอีกหลายประเภท ได้แก่ บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ผ่านแอปพลิเคชั่น Wallet@Post โดยล่าสุดมียอดใช้บริการเกือบ 1 ล้านรายการ บริการชำระค่าปรับจราจรทุกรูปแบบที่ไปรษณีย์ และเตรียมเปิดบริการเติมเงิน M-Pass รับชำระค่าผ่านทางอัตโนมัติทั้งมอเตอร์เวย์และทางด่วน
