ทำความรู้จักกับ AI ในรถยนต์ ก่อนจะก้าวไปสู่ยุคยานยนต์ขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ

  • 17.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

โลกในปัจจุบันกำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หลายอุตสาหกรรมก็เริ่ม Transformation ตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัล ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าหลายค่ายรถยนต์เริ่มทำการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติ แม้จะยังไม่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่ก็เป็นสิ่งที่ตลาดตั้งตารอคอย ให้เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเองสามารถใช้งานได้อย่างจริงจัง ปลอดภัยและถูกกฎหมาย

รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติ ความลับของเทคโนโลยีนี้คือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่ใช้ในการประมวลผล โดยเฉพาะ AI ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ที่อยู่ใน Ecosystem ของการจราจร ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่นที่ระบบไฟจราจรเชื่อมโยงเข้ากับระบบนำทาง GPS ในรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับไม่จำเป็นต้องสังเกตไฟจราจรบนถนน แถมระบบไฟจราจรยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถยนต์อย่างระบบเบรค (เฉพาะบางรุ่นเท่านั้น) เป็นต้น

อันที่จริงจะว่าไปแล้ว ในรถยนต์ทุกวันนี้ก็มีระบบ AI ฝังอยู่ในรถยนต์ทุกคัน เริ่มจากสิ่งที่ทุกคนเคยได้ยินมานั่นก็คือ ECU (Electronic Control Unit) โดยหน้าที่หลักของ ECU คือการเก็บข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์มาประมวลผล ซึ่ง ECU ในปัจจุบันจะเน้นไปที่การควบคุมด้านเครื่องยนต์ ทั้งการสั่งจ่ายปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราการจุดระเบิด เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หรือระบบถอยจอดที่เซ็นเซอร์จะแปลงแรงสะท้อนของคลื่นความถี่ เพื่อประมวลผลถึงระยะห่างที่จะถอยชน ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีการแสดงผลภาพการถอย ระบบจะมีการกำหนดแนวทางในการถอยที่ปลอดภัยให้ด้วย หรือระบบป้องกันการชนในรถยนต์ยุโรปที่ประมวลผลผ่านรูปแบบเซ็นเซอร์ด้านหน้ารถยนต์ หรือที่ในรถบางรุ่นมีการเตือนจุดอับสายตาบนกระจกด้านข้าง เหล่านี้คือรูปแบบเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลและนำมาประมวลผล เฉกเช่นเดียวกับรูปแบบการทำงานของ AI

ปัจจุบันเริ่มมีบางค่ายรถยนต์นำเทคโนโลยีกึ่ง AI เข้ามาติดตั้งในระบบต่างๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าที่จะลดความเข้มข้นของแสงไฟเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าหรือมีรถสวนมา ระบบป้องกันการขับออกนอกเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบถอยจอดเองอัตโนมัติ

Subaru ค่ายรถยนต์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้ง เครื่องยนต์ Boxer ประสิทธิภาพสูง ที่มีจุดเด่นด้านการทรงตัวเพราะว่าการทำงานของลูกสูบในแนวนอนทำให้จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์อยู่ในระดับต่ำเครื่องยนต์ประเภทอื่น, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive ที่สามารถกระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ พร้อมทั้งสามารถแปรผันไปยังล้อซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง ได้อย่างอิสระ ให้รถยนต์เกาะถนนได้ทุกสภาวะ, โครงสร้างที่แข็งแกร่งของ Subaru Global Platform ที่ช่วยป้องกันทุกชีวิตภายในรถยนต์ให้ปลอดภัยยิ่งกว่าที่เคยมีมา โดยโครงสร้างใหม่นี้มีน้ำหนักเบาขึ้น แข็งแรงมากขึ้น สามารถดูดซับแรงกระแทกและช่วยลดการสั่นสะเทือนจากช่วงล่างได้ดียิ่งขึ้น และนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยใหม่ล่าสุดอย่าง EyeSight เข้ามาเสริมและเติมเต็มให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

กล้องคู่ที่ยอดเยี่ยมมาพร้อมการทำงานที่เยี่ยมยอด

สำหรับเทคโนโลยี EyeSight ได้ยกระดับความปลอดภัยให้เหนือชั้นไปอีกขั้น การทำงานของกล้องสเตอริโอคู่หน้า (Duo Stereo Camera) จะทำงานเป็นเสมือนดวงตาของรถยนต์ โดยจะทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยในการช่วยมองสิ่งต่างๆ พร้อมทั้งประมวลผลในระหว่างการเดินทาง

ด้วยการทำงานของกล้อง 2 ตัวนี้เอง ทำให้เทคโนโลยี EyeSight แตกต่างไปจากรถยนต์ทั่วๆ ไป กล้องซ้าย-ขวา จะนำภาพทั้งสองมาผสานกัน แล้วประมวลผลให้ออกมาเป็นภาพที่เสมือนมุมมองสายตาคน ยิ่งไปกว่านั้นระบบจะสามารถประมวลผลได้ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้ารถคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ คน สัตว์ สิ่งของ

สำหรับรูปแบบการทำงานของเทคโนโลยี EyeSight เป็นรูปแบบของเทคโนโลยีการช่วยเหลือผู้ขับขี่ (Driver Assist Technology) โดยจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ลักษณะ ทั้งเรื่องของการป้องกันก่อนการเกิดเหตุ และการทำงานเพื่อช่วยให้การขับสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยไฮไลท์ของการทำงานในเรื่องของการป้องกันก่อนการเกิดเหตุ อาทิเช่น ระบบ Pre-Collision Braking เทคโนโลยี EyeSight จะจับภาพด้านหน้าของรถพร้อมคำนวณเรื่องของระยะห่างระหว่างวัตถุกับความเร็ว เมื่อขับรถเข้าไปใกล้ในระยะที่อาจเกิดการปะทะได้ ระบบจะเริ่มด้วยการส่งเสียงและสัญญานไฟเพื่อเตือน หากยังไม่มีการตอบสนองใดๆ ระบบจะช่วยเบรค ก่อนที่จะทำการหยุดรถอัตโนมัติ หรือ เมื่อกล้องจับภาพและประมวลผลได้ว่า มีวัตถุขนาดใหญ่ กีดขวางอยู่ แล้วผู้ขับขี่กดคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ ระบบ Pre-Collision Throttle Management จะทำการตัดกำลังของเครื่องยนต์ชั่วขณะและส่งเสียงและสัญญานไฟเพื่อเตือนให้ผู้ขับมีสติอีกครั้ง

ในขณะที่ไฮไลท์ของการทำงานเพื่อช่วยให้การขับสบายมากยิ่งขึ้น อาทิ Adaptive Cruise Control และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเทคโนโลยี EyeSight ระบบนี้ก็ต้องไม่ธรรมดา เพราะสามารถตั้งความเร็วที่ต้องการเดินทางและกำหนดระยะห่างจากรถคันข้างหน้าได้ในขณะที่รถจอดหยุดนิ่ง ทำให้ผู้ขับขี่มีสมาธิมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีรถเข้ามาแทรกระหว่างกลาง ระบบก็สามารถปรับระยะห่างได้โดยอัตโนมัติ โดยความเร็วรถจะแปรผันตามรถคันหน้าในลักษณะ Stop and Go คือ เมื่อรถคันหน้าชลอความเร็วจนหยุดนิ่ง รถเราก็จะชลอและหยุดนิ่งด้วย เมื่อรถคันหน้าออกตัวไป รถเราก็จะออกตัวตามไปจนถึงความเร็วที่กำหนด แต่หากรถคันหน้าจอดหยุดนิ่งนานเกินกว่า 3 วินาที ระบบจะเข้าสู่ Mode Hold ซึ่งเทียบได้กับการดึงเบรคมือไว้โดยอัตโนมัติ และหากรถคันข้างหน้าเคลื่อนตัวออกไป เทคโนโลยี EyeSight ก็จะทำการเตือนเพื่อให้ผู้ขับทราบว่าต้องออกตัว อีกด้วย

จากการเก็บสถิติรถยนต์ Subaru ที่มีระบบ Eyesight ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 250,000 คัน พบว่า สามารถลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้มากถึง 61% และรถยนต์ Subaru Forester รุ่นที่มี Eyesight ยังได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยทั้งรางวัล Grand Prix Award 2018-2019 จาก Japan New Car Assessment Program (JNCAP) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการชนะด้วยคะแนนสูงสุดถึง 96.5 หรือ รางวัล Top Safety Pick+ 2019 (TSP+) จากหน่วยงาน The Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) ประเทศสหรัฐอเมริกา จนได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งเมื่อเทียบกับรถยนต์ใน Segment เดียวกัน

และแม้ว่าเทคโนโลยี Eyesight จะยังไม่ใช่เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ 100% ยังคงให้ผู้ขับขี่เป็นผู้ควบคุมและตัดสินใจ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเทคโนโลยี AI ที่มีความแม่นยำและครอบคลุมเงื่อนไขการทำงานได้ดีกว่าระบบอื่นๆ ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้คุ้นชินกับระบบอำนวยความสะดวกและระบบเสริมความปลอดภัยกึ่งอัตโนมัติต่างๆ อย่างครบถ้วน ก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคยานยนต์ขับเคลื่อนเองอัตโนมัติอย่างแท้จริง


  • 17.3K
  •  
  •  
  •  
  •