Chris Anderson กลับมาอีกครั้งกับของ Free!!

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อ 2-3 ปีจนมาจนถึงปัจจุบันทฤษฎี The Long Tail อันเป็นที่ล่ำลือและถูกกล่าวถึงกันมากมาย ทั้งในหมู่คนไอที และนักธุรกิจ โดยเฉพาะคนที่อยู่สาย Online ต่างยกทฤษฏีนี้ขึ้นมาในระหว่างการพูดคุยในเรื่องธุรกิจกันทั้งนั้น

Chris Anderson บรรณาธิการบริหาร Wired นิตยสารเทคโนโลยีที่คนไอทีอ่านกันค่อนโลก ผู้เขียนหนังสือ ‘The Long Tail: Why the Future of Business Is Selling Less of More ตีพิมพ์เมื่อปี 2549  วันนี้ Chris กลับมาอีกครั้งกับการประกาศชัดว่า “ของฟรีคืออนาคตของธุรกิจ!!”  กับหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อว่า ‘Free! The Future of Business’ กำลังจะเริ่มวางแผงในวันที่ 6 ก.ค.   แถมยังตั้งใจจะแจกฟรีด้วยในรูปแบบของดาวน์โหลดไฟล์ เพียงแต่ด้วยสัญญากับทางสำนักพิมพ์ Hyperion เนื้อหาบางส่วนที่เป็นรายละเอียดจะถูกตัดทอนลงไป   ทำให้ตอนนี้หาดาวน์โหลด Free มาอ่านไม่ได้  แต่ Anderson สันเกริ่นทฤษฎี Freeconomics ไว้บ้างแล้วในบทความชื่อ Free! Why $0.00 is the Future of Bussiness

free_anderson21

โมเดลเศรษฐศาสตร์ของฟรีไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ต้องรอ Free วางแผงหนังสือ เราก็เห็นโมเดลทำธุรกิจแจกฟรีในรูปแบบของการส่งเสริมการตลาดที่ใช้กันมาหลายทศวรรษแล้ว เพียงแต่ในยุคดิจิทัล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้บริโภคสามารถได้รับบริการข้อมูล และผลิตภัณฑ์ฟรี “อย่างไม่มีเงื่อนไข”

ไม่ใช่แค่ “ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง” หรือ ” ซื้อเสื้อตัวแรก ตัวที่สองลด 50%”

Chris เล่าถึงโมเดลธุรกิจแจกฟรีโดยกล่าวพาดความถึงคุณ King Gillettes คนเดียวกับที่ให้กำเนิดใบมีด Gillette เมื่อกว่าร้อยกว่าปีก่อน  Gillette คนนี้มีความคิดแปลกแหวกสมัย (นั้น) อยู่ว่า อุตสาหกรรมอะไรก็ตามควรมีเพียงรายเดียว โดยมีสาธารณชนเป็นเจ้าของ และคนอเมริกันนับล้านควรอยู่ในเมืองใหญ่ที่ใช้น้ำตกไนแองการ่าปั่นกระแสไฟฟ้า

ระหว่างโกนหนวดด้วยมีดโกนแบบด้ามยาว ที่ทื่อจนเถืออะไรแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว เขาเกิดความคิดว่าทำไมไม่ทำใบมีดโกนให้มันบางกว่านี้ แทนที่จะมัวเสียเวลาคอยลับใบมีดอยู่ ทำไมไม่ทำใบมีดโกนที่ทิ้งไปอย่างไม่เสียดายหลังใช้จนทื่อ หลังจากลองทำอยู่หลายปี ในที่สุดใบมีดโกนใช้แล้วทิ้งก็ถือกำเนิด และเริ่มจำหน่ายในปี 1903 ยิลเล็ตต์ขายมีดโกนได้ 51 อัน และจำหน่ายใบมีดได้ 168 ใบ เรียกว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ชายในอเมริกา

Gillette คิด gimmick  การตลาดออกมามากมายหลังจากเริ่มธุรกิจมีดโกนใช้แล้วทิ้ง มีตั้งแต่เอารูปหน้าตัวเองหนวดงามโชว์หราหน้ากล่อง ไปจนถึงยอมขายให้กับกองทัพสหรัฐราคาถูกสุดๆ โดยหวังว่าทหารที่ออกรบจะพกนิสัยโกนหนวดกลับมาโกนหน้าเกลี้ยงเกลาเมื่อปลดประจำการ และขายยกโหลให้กับธนาคารไว้แจกเวลาลูกค้ามาฝากเงิน

ตัวมีดโกนยังเอาไปพ่วงกับสินค้าอื่นมากมายตั้งแต่หมากฝรั่งไปจนถึงกาแฟ ชา และมาร์ชแมลโลว์ กลยุทธ์ของแถมช่วยให้สินค้าพวกนั้นขายดีขึ้น

แต่ Gillette เองกอบโกยได้มากกว่า ด้วยกลยุทธ์แจกด้ามมีดโกนซึ่งตัวมันเองแทบจะไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยกลับทำให้เกิดความต้องการซื้อใบมีดใช้แล้วทิ้งเพิ่มขึ้น Gillette ยังคงใช้กลยุทธ์ดังกล่าวอยู่จนทุกวันนี้

ตำราธุรกิจแบบ cross-sucsidy ของ Gillette ถูกนำไปลอกใช้กันเกร่อ เรียกว่าเป็นโมเดลธุรกิจที่ใช้ได้ทุกยุคสมัย เป็นภาษาพระก็เรียกว่า อกาลิโก

ไม่นานมานี้ Hewlet Packard ประเทศไทยประกาศแจกเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ฟรี แต่พ่วงเงื่อนไขต้องจ่ายค่าหมึกเดือนละ 2,340 บาทต่อเดือนนาน 1ปี หมายความว่าครบหนึ่งปีลูกค้าต้องจ่ายเงิน 28,080 บาท ถือว่าแพงเอาเรื่องสำหรับคนที่ใช้หมึกเดือนหนึ่งไม่ถึง 2 ตลับ กลยุทธ์เดียวกัน Apple เคยใช้ผูกขาย iPhone กับรับบริการสองปีกับค่าย TT&T มาแล้ว

สิ่งที่ Chris Anderson ต้องการนำเสนอคือ โมเดลธุรกิจแจกฟรีกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ และไม่ใช่ประเภทของแถมแจกพ่วงแบบ cross-subsidy (ผลักภาระต้นทุนของสินค้าหนึ่งไปยังอีกสินค้าหนึ่ง) แต่เปิดให้ใช้กันฟรีไม่มีเงื่อนไข

 Yahoo และ Gmail เพิ่มพื้นที่ Mailbox ให้ผู้ใช้มหาศาล ชนิดที่ไม่ต้องพก Thumbdrive ติดตัวเลยยังไหว Chris มองว่าธุรกิจบนเว็บเป็นเรื่องของ “ขนาด” ล้วนๆ ยิ่งดึงคนเข้ามาใช้บริการมากที่สุดเท่าไร ต้นทุนยิ่งกระจายออกไปยังผู้ใช้มากขึ้น และยิ่งทำให้เทคโนโลยีทำงานได้เต็มความสามารถมากขึ้น ทำให้ต้นทุนลดลง “เกือบเป็นศูนย์”

Chris บอกว่ามีสองแนวโน้มสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้โมเดลธุรกิจแจกฟรีขยายตัวไปทั่วระบบ

  • — แนวโน้มแรก คือ เทคโนโลยีช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดตลาดของตัวเองได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และเปิดทางอิสระให้พวกเขาสามารถแจกสินค้าและบริการให้กับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่หารายได้จากการขายสินค้าให้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง
  • — แนวโน้มที่สอง คือ เมื่อธุรกิจกระโดดเข้าสู่เครือข่ายดิจิทัลพวกเขาจะรู้ว่าต้นทุนธุรกิจลดลงมากแค่ไหน ยกตัวอย่าง Google พลิกโฉมธุรกิจโฆษณาจากเดิมที่ต้องจ้างพนักงานหาโฆษณา (ต้นทุนสูง) มาเป็นซอฟต์แวร์โฆษณาสำเร็จรูป (ต้นทุนต่ำ) Chris ยืนยันว่า ธุรกิจหลายประเภทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ด้วย Software Online ธนาคารหลายแห่งเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

โมเดลธุรกิจแจกฟรีมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำธุรกิจฟรีแล้วมันจะทำเงินมหาศาลไม่ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ เว็บไซต์หางานออนไลน์สามารถเปิดรับผู้สมัครงานได้นับแสน เช่นเดียวกัน บริษัทและร้านค้านับหมื่นสามารถลงโฆษณาจัดหางานได้ไม่อั้น เขียนแบบฟอร์มออนไลน์กันตรงนั้น เรียกมาสัมภาษณ์งานกันทางอีเมล์ภายในวันเดียว

Chris บอกว่า การหารายได้จากธุรกิจออนไลน์ต้องมองตลาดกว้างกว่าแบบเดิมที่มองแค่  “ผู้ซื้อพบผู้ขาย” แต่ให้มองเป็น “ระบบนิเวศ” ที่มีอยู่หลายฝ่าย และหารายได้จากฝ่ายที่สาม

โมเดลฟรีประเภทให้ “ฝ่ายที่สามเป็นคนจ่าย” ไม่ใหม่ ทุกวันนี้เราดูทีวีฟรี ฟังวิทยุฟรี รวมไปถึงธุรกิจหนังสือพิมพ์ที่ขายให้กับคนอ่านในราคาที่ถูกกว่าต้นทุนกระดาษ การผลิต และจัดจำหน่าย ธุรกิจสื่อพวกนี้ไม่ได้ขายแค่เนื้อหา แต่ขายโฆษณาให้กับคนดู คนฟัง และคนอ่าน นี่คือตลาดสามทางที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่างกันที่ เว็บไซต์ทำให้ธุรกิจสื่อสามารถขยายตัวไปสู่อุตสาหกรรมทุกประเภท มีรูปแบบธุรกิจนับสิบที่ธุรกิจสื่อสามารถทำเงินได้จากบริการ “ข้อมูลฟรี” เป็นไปได้ตั้งแต่ขายข้อมูลลูกค้า บริการสมาชิก “มูลค่าเพิ่ม” รวมไปถึงการหารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยตรง

คุณอาจไม่ทันนึกก็ได้ว่า เวลาสมัครใช้อีเมล์ Yahoo, Gmail, Hotmail หรือพวกโปรแกรมสนทนา Skype, MSN, Twitter หรือแม้แต่ Nok Nok รวมไปถึงเว็บเครือข่ายสังคมอย่าง MySpace, Hi 5, ฯลฯ ข้อมูลที่คุณกรอกลงไปไม่กี่ช่อง ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ อาชีพ และประเทศ คุณกำลังให้ข้อมูลฟรีกับเว็บไซต์ เพื่อให้พวกเขามีรายได้  เว็บไซต์จึงให้บริการฟรีแก่คุณได้ไงล่ะ

วิดีโอ Chris Anderson พูดถึง ‘Free! Why $0.00 is the Future of Business’

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Tukko Nathida
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MarketingOops.com กับความตั้งใจในการนำเสนอเนื้อหาที่ทันเหตุการณ์ และเกิดประโยชน์ ให้สามารถนำเนื้อหาความรู้ และ Insight ไปต่อยอดกับอนาคตของธุรกิจ และการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี ครีเอทีฟ การตลาด โฆษณา และสตาร์ทอัพ