อนาคตของ eCommerce ผ่านลูกค้าบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค

  • 21
  •  
  •  
  •  
  •  

Gloople บริษัทผู้ให้บริการ eCommerce Software รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อมูลด้านพฤติกรรมผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียและการซื้อสินค้าออนไลน์ นำมารวมเป็นข้อมูลและแสดงเป็น Infographic โดยให้ชื่อว่า The Future of Social Customer ซึ่งดูแล้วมีหลายข้อมูลที่ดูเป็นประโยชน์สำหรับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ และผู้ที่มีร้านค้าและต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายบนโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook, Twitter, Google+ และ Pinterest

ปัจจุบัน มีเพียง 9% ของร้านค้าที่มีร้านค้าออนไลน์ให้ลูกค้าได้ดูสินค้าและสั่งซื้อสินค้าโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์  มี 60% ของผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์เข้าซื้อสินค้า 1 ครั้งใน 3 เดือน  ในปี 2015 หรือ พ.ศ. 2558 มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะมีร้านค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 50%  และร้านค้าออนไลน์ก็จะไม่มีเพียงเว็บไซต์แต่จะมีการใช้สื่อโทรศัพท์มือถือในการขายสินค้าด้วยเช่นกัน  ส่วนเม็ดเงินจากการขายสินค้าผ่าน Social Commerce ทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 6 แสนล้านบาทในปี 2013

ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างปี 2012 และปี 2016

  • จำนวนผู้บริโภคที่จะช้อปออนไลน์ในปี 2012 คาดว่าจะมีถึง 167 ล้านราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15% เป็น 192 ล้านรายในปี 2016
  • จำนวนการใช้จ่ายออนไลน์โดยเฉลี่ยของผู้บริโภคหนึ่งคนจะอยู่ที่ 759.81 ปอนด์หรือประมาณ 56,000 บาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นคนละ 1,094.07 ปอนด์หรือประมาณ 76,580 บาทต่อคน – ข้อมูลนี้ไม่น่าจะใช้ได้กับคนไทย เพราะค่าเงินต่างกันมาก และความเชียวชาญกับความไว้ใจร้านค้าออนไลน์ของคนไทยนั้นยังห่างไกลกับประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป หรือประเทศอังกฤษอีกมาก
  • สำหรับการใช้จ่ายทั้งหมดของนักช้อปออนไลน์ คาดว่าจะอยู่ที่ 142.27 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาทไทย (เอ..อันนี้ดูเยอะไปมั้ย)

 

ผู้บริโภคในสื่อโซเชียลมีเดียมีวิธีการเข้าถึงและซื้อสินค้าอย่างไร

  • 20% คาดว่าจะซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์ค
  • 40% ของผู้ใช้ Twitter มักจะค้นหาสินค้าผ่านทาง Twitter
  • 12% ของผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์นั้นได้เห็นสินค้าผ่านทาง Twitter
  • 75% ของผู้บริโภคจะรู้สึกอยากซื้อสินค้า เมื่อเห็นเพื่อนพูดถึงหรือนำมาแขร์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
  • 77% ของผู้ช้อปออนไลน์นิยมดูรีวิวสินค้าสินค้าผ่านทางออนไลน์
  • 34% ของผู้ช้อปออนไลน์ชอบที่จะแชร์การซื้อสินค้าผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากกว่าทางอีคอมเมิร์ซเว็บไซต์
  • 75% ของผู้บริโภคเชื่อถือสินค้ารีวิวผ่านทางเว็บไซต์เสมือนเป็นคำแนะนำส่วนตัว
  • 81% ของผู้บริโภคมักได้รับคำแนะนำในการซื้อสินค้า ทางใดทางหนึ่ง

 

 

Social TV ช่องทางใหม่ในการซื้อสินค้าออนไลน์

Smart TV กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการใช้อินทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งหมายถึงอีกหน่อย เราจะสามารถชมภาพยนตร์ไปพร้อมๆ กับการแชทกับเพื่อน และการชมภาพยนตร์พร้อมกัน  ซึ่งแน่นอนว่าร้านค้าและบริการต่างๆ ก็จะสามารถเข้าไปอยู่ในสมาร์ททีวีผ่านทาง Social Widget หรือ แอพพลิเคชั่นทางทีวีนี้ ทำให้เราสามารถสั่งพิซซ่า ซื้อตั๋วหนังผ่านช่องทางนี้ในอนาคต

 

Brand Page ช่องทางจำเป็นบนสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค

หลังจากการเติบโตของ Facebook สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่คนทั่โลกรู้จัก ก็มีเว็บไซต์ประเภทเดียวกันเกิดตามมาติดๆ อย่าง Twitter และรวมถึงการปรับตัวของ Google และการมาใหม่ของ Pinterest ทำให้ร้านค้ายิ่งเห็นประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจมากขึ้น นี่คือข้อมูลบางอย่างจากโซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดัง

Group Buy โซเชียลคอมเมิร์ซที่ช่วยให้ซื้อของราคาประหยัด

  • 73% ของนักช้อปออนไลน์มักจะคลิกดูเสื้อผ้าและจบลงด้วยการซื้อสินค้า
  • 62% ของนักช้อปออนไลน์นิยมคลิกดูรองเท้าก็มักจะจบลงด้วยการซื้อรองเท้า
  • 56%  ของนักช้อปออนไลน์นิยมคลิกดู ต่างหู กำไร ก็มักจะจบลงด้วยการซื้อสิ่งที่ต้องการ
  • 60% จะคลิกเข้าชมร้านค้าออนไลน์ที่เพื่อนแชร์ผ่านการเช็คอิน
  • 90% เชื่อคำแนะนำจากคนที่พวกเขารู้จัก
  • 60% บอกว่าเขายินดีที่จะแชร์สินค้าหรือบริการผ่าน Facebook ถ้าเขาจะได้รับการลดราคาหรือโปรโมชั่นดีๆ
  • 77% ของผู้บริโภคชอบที่ได้รับเอกสิทธ์ที่ไม่เหมือนใคร

นอกจากนี้ Gloople ยังแจ้งไว้ว่า การซื้อขายผ่านโทรศัพท์มือถือจะเติบโต 97% ต่อปีติดต่อกัน 3 ปี และเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) จะมีบทบาทสำคัญสำหรับการซื้อของผ่านโทรศัพท์มือถือ

(Source: Gloople. Shopping trolley image via Shutterstock.)


  • 21
  •  
  •  
  •  
  •