ทำทุกอย่างสู่ King Of Nuts! “โก๋แก่” รีเฟรชแบรนด์ ขยับครั้งใหญ่ทั้งโรงงาน – ร้านสแตนอโลน

  • 249
  •  
  •  
  •  
  •  

โก๋แก่ 01

ทำตลาดมานานกว่า 10 ปี สำหรับแบรนด์ “โก๋แก่” ในฐานะถั่วอบกะทิรสชาติต่าง ๆ ที่คนไทยคุ้นเคย ทำให้ปีนี้แบรนด์ตัดสินใจสร้างสีสันให้ธุรกิจ พร้อมวางเป้าหมายสู่การเป็น “King Of Nuts” ทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์แนวใหม่อย่าง “โก๋แก่ลันเตา” และเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “เป๊ก ผลิตโชค”

คุณกฤษดา รวยเจริญทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด กล่าวว่า ปีนี้โก๋แก่มีแผนรีเฟรชแบรนด์และเพิ่มไลน์สินค้า จึงมีการเปิดตัวโก๋แก่ลันเตา และเลือกพรีเซ็นเตอร์ “เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร” เพื่อส่งเสริมการตลาดและทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่

เลือก “พรีเซ็นเตอร์” ฐานแฟนคลับหลากหลาย สื่อสารแทนแบรนด์ได้ดี

“เนื่องจาก เป็ก ผลิตโชค เป็นบุคคลที่มีบุคลิกสนุกสนาน มีแฟนคลับหลากหลายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน สามารถช่วยสื่อสารคาแรคเตอร์แบรนด์โก๋แก่ลันเตาที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงาน ซึ่งบริษัทเตรียมงบการตลาดในปีนี้ราว 100 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท จากยอดขายปีก่อน 2,600 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้าหมายสู่ King of Nuts of the world ภายใน 10 ปีจากนี้ และเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาท”

ตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา โก๋แก่ถือเป็นแบรนด์ที่เน้นการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และคุณภาพของสินค้า โดยใช้สื่อไวรัลคลิป ไม่ได้พูดถึงแบรนด์โดยตรงแต่เป็นการสื่อสารแพคเกจจิ้งผ่านบรรจุภัณฑ์ เช่น โลโก้โก๋แก่ถือป้ายที่เป็นคาแรคเตอร์ของแบรนด์ โดยช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจของโก๋แก่มีการเติบโตแบบดับเบิลดิจิทุกปี และครองตำแหน่งผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์ถั่วทุกชนิด ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 50% ทำให้ปีนี้โก๋แก่ปรับกลยุทธ์สินค้าสู่ “โก๋แก่ลันเตา” พร้อมใช้พรีเซนเตอร์เพื่อช่วยสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นการรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี

เป็ก ผลิตโชค
เป็ก ผลิตโชค พรีเซ็นเตอร์โก๋แก่ลันเตา

เมื่อ “ถั่ว” ไม่ได้เป็นแค่สแน็ค! จึงต้องแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่

คุณกฤษดา ยังอธิบายอีกว่า จากการศึกษาตลาดถั่วอย่างต่อเนื่อง พบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา โก๋แก่ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์สู่รสกะทิ รสกาแฟ และรสไก่ แต่พบว่านอกจากกลุ่มถั่วที่เป็นสแน็คแล้ว ผู้บริโภคอีกกลุ่มก็ยังใช้เป็นกับแกล้มซึ่งเป็นผู้บริโภคคนละกลุ่ม บริษัทจึงแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มถั่วเคลือบ (รสกะทิ กาแฟ) ถั่วเปลือย (ถั่วลิสงอบเกลือ ถั่วปากอ้าอบเกลือ) และกลุ่มถั่วพรีเมี่ยมซึ่งจะมีราคาสูงกว่า (ถั่วอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ้ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์) ซึ่งจะมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ต่างกันแต่มีเอกลักษณ์ โดยรายได้ในปีที่ผ่านมาของโก๋แก๋แบ่งออกเป็นถั่วเปลือย 25% ถั่วเคลือบทอดกับเคลือบอบ 40% และถั่วพรีเมี่ยม 35%

“มูลค่าตลาดถั่วในภาพรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีการเติบโต อาจจะมีบ้างแค่เพียง 1% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดีและยังไม่ค่อยมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด แต่ในปีนี้คาดว่าจะกลับมาโตมากขึ้น หลังจากที่โก๋แก่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ถั่วปากอ้าเคลือบ และโก๋แก่ลันเตา”

ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิต

ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายโรงงานผลิตด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตจากเดิมที่ผลิตได้ที่ 25 ตันต่อวัน ตอนนี้จะขยายเป็น 30 ตันต่อวัน โดยเน้นการใช้เครื่องจักรครบวงจรมากขึ้น และนอกจากการทำตลาดในประเทศแล้ว โก๋แก่ยังส่งออกไปยังตลาดโลกอีกด้วย โดยคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมด ทั้งยังมีแผนขยายโรงงานไปยังไต้หวันและเวียดนามในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน โก๋แก่ มีช้อปรวม 9 แห่ง ประกอบด้วยกรุงเทพฯ 3 แห่ง คือ เอเชียทีค, เดอะมาร์เก็ต และจตุจักร และในจังหวัดเชียงใหม่อีก 4 แห่ง ประกอบด้วย เซ็นทรัล พลาซ่า เชียงใหม่แอร์พอร์ต, ออล วัน นิมมาน, เมญ่า และ Think Park รวมถึงในจังหวัดชลบุรี 2 แห่ง ประกอบด้วย กฤษดาดอย (ตลาดน้ำ 4 ภาค) และเขาชีจันทร์ โดยปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มช้อปซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาคอนเซ็ปต์ให้ตอบรับกับนักท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากพบว่าโก๋แก่เป็นที่นิยมในการซื้อกลับประเทศ ติดอันดับสินค้ายอดนิยมจากประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเฟรชสแน็ค เช่น ไอศครีมถั่ว น้ำนมถั่ว โดยบางสาขาจะเป็นเค้กชิฟฟ่อนสอดไส้ (ปังโก๋) ซึ่งกำลังพัฒนาคอนเซ็ปต์เฟรชสแน็คให้เป็นร้านสแตนอโลน ซึ่งคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในห้างได้ภายในปีนี้


  • 249
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน