หลังจากที่ 3 ผู้บริหารผู้คร่ำหวอดในสตาร์ทอัพอย่าง “วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง” (กลาง) “กวิณ โอภาสวงการ” (ขวา) และ “วิเลิศ อรวรรณวงศ์” (ซ้าย) ประกาศสร้าง ชิฟ เวนเจอร์ จำกัด (shift ventures) คลับจับคู่ธุรกิจระหว่างสตาร์ทอัพซึ่งเป็น Founderhood Club และนักลงทุนซึ่งรวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท
ซึ่งงานนี้เห็นทีสตาร์ทอัพไทยคงอยู่เฉยไม่ได้ เพราะทั้งฝั่งสตาร์ทอัพและนักลงทุนต้องออกโรงมาเตือนคนที่คิดจะลงทุนสตาร์ทอัพไทยอย่างแข็งขัน
และนี่คือ 3 สิ่งที่เราเรียนรู้จากการเข้ามาของ “ชิป เวนเจอร์” ในวงการสตาร์ทอัพไทย
1. นักลงทุนที่ใช่ ต้องจับคู่กับสตาร์ทอัพที่ใช่: เพราะการทำสตาร์ทอัพยุคนี้เป็นยุคที่เริ่มต้นไม่ได้ลำบากเหมือนการทำธุรกิจในสมัยก่อน เพราะนักลงทุนไม่ได้แค่ให้เงินทุนสนับสนุนแล้วจบ แต่แนะนำให้สตาร์ทอัพได้รู้จักและจับคู่ร่วมมือพาร์ทเนอร์ที่ “ใช่” อยู่ในวงการเดียวกับสิ่งที่สตาร์ทอัพกำลังทำ และต้องการร่วมมือ ไม่เสียเวลากับพาร์ทเนอร์ที่ไม่ใช่
ซึ่งจุดนี้คุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณจาก Eventpop ได้บอกไว้ว่า “สตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับอาหาร ต้องการใครก็ได้ที่เป็น Food group ตัวจริงมาลงทุนทำให้กิจการโตในฐานะ Strategic Investor มากกว่าแค่มูลค่าเงิน ฉะนั้นนักลงทุนที่เราเจอถูกคนถูกเวลาก็ช่วยสตาร์ทอัพด้วย”
คุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณ ผู้ก่อตั้งและ CEO แห่ง Eventpop
อีกทั้งสตาร์ทอัพยังได้เสริม Mindset และองค์ความรู้จากอินเตอร์เน็ตและเมนเทอร์ประสบการณ์แน่นคอยเสริมทักษะที่แต่ละคนในทีมขาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ เทคนิค หรือทรัพยากร
ขอให้ทีมสตาร์ทอัพมีความสามารถ บางครั้งนักลงทุนเข้ามาลงแรงกับสตาร์ทอัพด้วย เพราะนักลงทุนต้องมั่นใจด้วยว่าทุกบาททุกสตางค์ที่นักลงทุนใส่ไปสตาร์ทอัพจะต้องคุ้มค่า ตลาดต้องใหญ่พอให้เขาลงทุน ไม่ใช่แค่ Niche
อย่างที่ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการได้บอกไว้ “ยิ่งมีเงินมาก ความรับผิดชอบยิ่งมากตาม”
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส กรุ๊ป โอลดิ้ง
2. Think Global, Act Local ตั้งแต่แรก: คุณภัทรพรจาก Eventpop แนะนำสตาร์ทอัพหน้าใหม่ว่า “แผนธุรกิจของเราต้องดีตั้งแต่วันแรก วิสัยทัศน์ต้องชัด วางเป้าหมายไปเลยว่าจะเปิดให้บริการในไทยและอื่นๆในเอเชีย แผนการที่ถูกต้องคือต้องคลุมทั้งภูมิภาคเลยด้วยแต่แรก ถ้าเราไปหา Venture Capital แล้วบอกว่าเราจะเป็นที่หนึ่งในไทย VC บอกก็น่าสนใจ แต่ถ้าเราบอกว่าเราจะเป็นที่หนึ่งในเอเชีย ก็ดูน่าลงทุนมากกว่าเยอะ”
ซึ่งหากเราต้องการขยายตลาดภูมิภาคในอนาคตก็ควรจะคำนึงถึงพฤติกรรมและวัฒนธรรมของประเทศอื่นด้วย ตามที่คุณวริศา ศรีเจริญ จาก QueQ ได้บอกไว้ว่า “QueQ เริ่มให้บริการจากไทย เพราะเข้าใจธรรมชาติของคนไทย แต่พอไปต่างประเทศ ก็จะมีวัฒนธรรมการจองคิวและรับประทานอาหารที่ไม่เหมิอนกัน ฉะนั้นต้องมีคนไปสเกลไปต่างประเทศให้ได้ มีพาร์ทเนอร์และ Strategic Investor ที่เข้าใจประเทศที่กำลังจะไปขยาย ไม่ต้องลองผิดลองถูกเยอะ”
คุณวริศา ศรีเจริญ Chief Marketing Officer จาก QueQ
นอกจากนั้นบุคคลากรก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งคุณภูมินทร์ ยุวจรัสกุลจาก Eatigo ที่กำลังเสาะหาคนที่สามารถบริหารจัดการ Headquarter ได้มากกว่าหนึ่งประเทศ และสามารถสอนให้คนไทยบริหาจัดการ Headquarter ได้ด้วย
คุณภูมินทร์ ยุวจรัสกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้บริหาร Eatigo ประเทศไทย
3. ความเข้าใจ “สตาร์ทอัพ” ระหว่างผู้ประกอบกิจการและนักลงทุนต้องตรงกัน:เพราะนักลงทุนต้องเข้าใจว่าสตาร์ทอัพคืออะไรและทำงานอย่างไร จึงจะมั่นใจได้ว่าสตาร์ทอัพจะให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
แล้วสตาร์ทอัพจริงๆแล้วคืออะไรล่ะ? ต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือไม่?
จริงๆแล้ว สตาร์ทอัพ (Startup) คือ “กระบวนการ” ค้นหาโมเดลธุรกิจที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน ที่ยึดหลัก “Learn Fast, Fail Fast, Adapt Fast!”
ฉะนั้นสตาร์ทอัพเน้น “ความเร็ว” ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น “ธุรกิจเทคโนโลยี” ก็ได้แต่เรามักเห็นสตาร์ทอัพใช้เทคโนโลยี นั่นเพราะเทคโนโลยีส่งเสริม “ความเร็ว” นั่นเองครับไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีมโครงสร้างธุรกิจ ไปจนถึงวิธีการใช้เงิน และการทำตลาดที่รองรับกระบวนการที่ว่าด้วยครับ
ดังนั้น ไม่ใช่ว่าธุรกิจทุกประเภทเป็นสตาร์ทอัพได้ เช่นร้านอาหาร ธุรกิจสปา หรือช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ต้องเผชิญข้อจำกัดในการเติบโตได้เร็ว เช่นทำเลให้บริการและทำการตลาด ถึงแม้ว่าธุรกิจนั้นจะได้รับความนิยมหรือทีมงานที่เก่งมากแค่ไหนก็ตาม
รู้อย่างนี้ นักลงทุนท่านใดที่สนใจลงทุนในสตาร์ทอัพ จะยึดแต่ประสบการณ์ของตัวเองที่เคยทำธุรกิจมาก่อนอย่างเดียวมาตัดสินสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพน่าลงทุนไม่ได้แล้ว เพราะการละเลยเรื่องของ “เทคโนโลยี” และ “กระบวนการ” ถึงเป็นความเสี่ยงในการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นกัน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ และคุณฤทธิ์ ธีระโกเมน เตือนสติสตาร์ทอัพในฐานะนักลงทุนว่า “สิ่งที่เราเสนอไอเดียสตาร์ทอัพมาแก้ได้จริงมั้ย แก้ปัญหาใหญ่ๆได้หรือไม่ และแก้ให้คนจำนวนมากได้หรือไม่ วิธีแก้ไขปัญหาของเราเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าเราทำสตาร์ทอัพแล้วล้ม เรารู้หรือไม่ว่าล้มเพราะอะไร”“ถ้าเราสำเร็จ เรารู้หรือไม่ว่าทำไมถึงสำเร็จ”
คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
แต่ไม่ว่าเราจะสำเร็จหรือล้มเหลว อิทธิพัทธ์ พีระเดชันธ์ หรือต๊อบ เถ้าแก่น้อย ขอให้เราอย่าลืม “จิตวิญญานของ Entrepreneur ลุย สู้ไม่ถอย ไม่ยอมแพ้ กัดปัญหาไม่ปล่อย”
ทำได้แบบนี้ ทำอะไรก็สำเร็จแน่นอน
แหล่งที่มา
งานเปิดตัวบริษัท ชิป เวนเจอร์ จำกัด วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2559 ณ Glowfish Siam