ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทุกวันนี้เรากำลังเข้าสู่ยุค AI-driven World เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์ รวมถึงองค์กรธุรกิจต้องเรียนรู้ และปรับตัวก้าวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อม และตอกย้ำการเป็น AI-first Organization ล่าสุด “SCBX” (เอสซีบีเอกซ์) จึงได้เปิดตัวรายงาน “SCBX AI Outlook 2025: Beaconing the Future of Artificial Intelligence” AI whitepaper สรุปเทรนด์สำหรับธุรกิจฉบับแรกในไทย เพื่อเป็นคู่มือ AI ให้กับธุรกิจในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI
4 เทรนด์พลิกโฉม Landscape ธุรกิจและอุตสาหกรรม
ในรายงาน SCBX AI Outlook 2025 นำเสนอเทรนด์สำคัญ 4 ประการที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่:
1. Open vs Closed AI: ช่องว่างระหว่าง AI แบบเปิดและแบบปิดที่ลดลง พร้อมนัยสำคัญทางธุรกิจ
โมเดลแบบเปิด คือ โมเดลที่เปิดเผยโค้ดและองค์ความรู้ให้สาธารณชนสามารถทำไปใช้ ปรับปรุง หรือดัดแปลงได้ ตัวอย่างเช่น DeepSeek หรือ Liama จาก Meta
ในขณะที่โมเดลแบบปิด เป็นโมเดลที่พัฒนาและควบคุมโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง โค้ดและข้อมูลถูกเก็บเป็นความลับไม่เปิดเผยให้คนนอกใช้โดยตรง เช่น ChatGPT ของ OpenAI, Claude ของ Anthropic
ปัจจุบัน Open VS. Closed-Source AI Models เป็นหัวข้อถกเถียงวสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางวงการ AI โดยแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ในขณะที่ศักยภาพของ “โมเดลแบบเปิด” เริ่มทัดเทียม “โมเดลแบบปิด” ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ รวมถึงการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมในภาคธุรกิจก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
2. More versatile, Smaller, Smarter AI: ยุคใหม่ของ AI ที่มีขนาดเล็กลง ยืดหยุ่นมากขึ้น และมีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ ประกอบด้วย 3 เทรนด์หลักคือ
– โมเดลที่มีความสามารถรับและประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน (Versatile Multimodal Models): เช่น ข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ ทำให้ระบบสามารถเข้าใจบริบทได้ลึกและตอบสนองงานที่ซับซ้อนได้หลากหลายขึ้น โมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบมัลติโหมด (Multimodal LLM) กำลังเป็นแนวโน้มที่มาแรง เพราะสามารถมอบบริบทที่ลึกซึ้งและความยืดหยุ่นสูงในการใชงานจริงหลากหลายประเภท
– โมเดลขนาดเล็กสำหรับงานเฉพาะทาง (Small Models for Specific Tasks : SLM): โมเดล AI ขนาดเล็กที่ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานเฉพาะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจำนวนพารามิเตอร์น้อยกว่าโมเดลขนาดใหญ่หลายเท่า แต่ถูกฝึกมาให้เชี่ยวชาญงานใดงานหนึ่ง ทำให้ประมวลผลได้เร็ว ใช้ทรัพยากรต่ำ ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ง่ายและประหยัดกว่า
– การสเกลการประมวลผลช่วง Inference เพื่อการให้เหตุผลที่ดีขึ้น (Scaling Intelligence for Improved Reasoning): โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) รุ่นใหม่ เช่น GPT-3, GPT-4 มีจำนวนพารามิเตอร์มหาศาล และฝึกบนชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ความสามารถในการเข้าใจและให้เหตุผลดีขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของขนาดโมเดล

3. Rise of Agentic AI: การเติบโตของ AI ที่สามารถวางแผน ให้เหตุผล และดำเนินการได้โดยไม่ต้องรับคำสั่งทีละขั้นตอน
AI ที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่ยังอยู่ในรูปแบบ Generative AI มีความสามารถหลักในการสร้างเนื้อหาตามคำสั่งที่ได้รับจากมนุษย์ แต่ทุกอย่างกำลังทรงพลังมากกว่าเดิม หลังการมาของ “Agentic AI” ซึ่งสามารถรับรู้ ให้เหตุผล วางแผน และดำเนินการตามแผนโดยใช้เครื่องมือต่างๆ ได้อย่างเป็นอิสระ
ความแตกต่างอีกประการระหว่าง Gen AI กับ Agentic AI คือ Gen AI ต้องการให้มนุษยืป้อนข้อมูลใหม่ หรือปรับคำสั่ง ในขณะที่ Agentic AI สามารถปรับตัวและหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้เองในระดับหนึ่ง
MIT Sloan Management Review ได้นำเสนอบทความ “Five Trends in AI and Data Science for 2025” โดย Thomas H. Davenport และ Randy Bean มีใจความว่า “แนวโน้ม Agentic AI ในปี 2025 สมควรได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิดจากผู้นำ” โดยเน้นย้ำว่า Agentic AI เป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญที่สุดที่ผู้นำองค์กรควรให้ความสนใจในปี 2025
4. The Road to AGI: ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์
AGI คือ ปัญญาประดิษฐ์ที่คิด เรียนรู้ และปฏิบัติงานใดๆ ก็ตามในระดับเทียบเท่ามนุษย์ ซึ่งแตกต่างจาก AI ในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ยังเป็นระบบ Narrow AI ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะด้านได้ดี เช่น การรู้จักและจดจำภาพ การแปลภาษา การให้ข้อมูล หรือการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ในขณะที่ AGI มีความสามารถที่หลากหลายมาผสมกันและสามารถผสานความรู้จากด้านหนึ่งไปใช้กับอีกด้านหนึ่งได้ และที่สำคัญคือ การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝนเพิ่มเติม คล้ายกับวิธีที่มนุษย์เรียนรู้และปรับตัว

SCBX ตั้งเป้ารายได้ 75% มาจาก AI ภายในปี 2027 – พัฒนาพนักงานให้เป็น AI Talent
คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Chief Innovation Officer บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า “กลุ่ม SCBX มุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนด้าน AI ภายในปี 2027
– สร้างรายได้ 75% จาก AI
– 75% ของกระบวนการทำงานต่างๆ ต้องได้รับการพัฒนาด้วย AI
– 15% ของพนักงานต้องเป็น AI Talent ด้วยการฝึกอบรม และ reskill พนักงาน จากปัจจุบันกลุ่ม SCBX มีพนักงานกว่า 30,000 คน นั่นหมายความว่าจะมีพนักงานกว่า 4,000 คนเป็น AI Talent
“เรากำลังพัฒนาความสามารถด้าน AI ขั้นสูงผ่านการใช้ข้อมูลและการวิจัยพัฒนา พร้อมทั้งนำหลักการ AI ที่มีความรับผิดชอบมาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กรนี้ บริษัทจึงได้จัดตั้งหน่วยงานวิจัยและพัฒนา หรือ “SCBX R&D Innovation Lab” ขึ้นเพื่อให้เป็นหน่วยงานกลางที่สำคัญในการทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน AI ให้กับกลุ่ม SCBX โดยจะทำงานร่วมกับบริษัท SCB 10X และ DataX อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างและผลักดันให้มีการนำต้นแบบที่มีผลกระทบสูงไปใช้งานจริงภายในกลุ่ม SCBX เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ทางธุรกิจ
นอกจากนี้ SCBX R&D Innovation Lab จะมีการทำงานกับองค์กรอื่นๆ เพื่อสร้างและผลักดันโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ที่มีประโยชน์ต่างๆ เช่น โครงการ Typhoon Thai LLM ที่ SCBX ใช้เป็นประตูเชื่อมโยงและสร้างคุณประโยชน์ให้กับพันธมิตรทั้งสถาบันการศึกษา สตาร์ทอัพ และหน่วยงานภาครัฐ”
สำหรับ รายงาน SCBX AI Outlook 2025 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สำคัญของการแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้าน AI ของกลุ่ม SCBX ที่ไม่เพียงนำเสนอมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ AI เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริงผ่านโปรเจกต์และกรณีศึกษาต่างๆ เพื่อที่จะสามารถสร้างคุณค่าให้กับบริษัทภายในกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ ลูกค้า พันธมิตร ตลอดจนสังคมโดยรวม

เปิดตัวอย่างการใช้จริง! “Typhoon Thai LLM” – AI Voice Trainer – Agentic AI
ทางด้าน ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ R&D and Innovation Lab Lead บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน SCBX มุ่งมั่นที่จะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ในบริบทธุรกิจต่างๆ ผ่านรายงาน SCBX AI Outlook 2025: Beaconing the Future of Artificial Intelligence เพื่อนำเสนอ
“เทรนด์ AI สำคัญ 4 ประการที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมพลิกโฉมอุตสาหกรรม รวมไปถึงด้านงานวิจัย และพัฒนา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงการนำ AI ไปใช้งานจริงในหลากหลายภาคส่วน เรามุ่งมั่นในการแบ่งปันข้อมูลเชิงกลยุทธ์ผ่านรายงานนี้ เพื่อช่วยให้ผู้นำองค์กรและกลุ่มคอมมูนิตี้ด้าน AI สามารถนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับองค์กรหรืองานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

SCBX ได้นำเสนอกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในหลากหลายภาคส่วน อาทิ:
- Typhoon Thai LLM: โมเดลภาษาไทยที่ถูกนำไปใช้ใน:
- โรงพยาบาลศิริราช โดยศูนย์สารสนเทศและนวัตกรรมข้อมูลศิริราช (SiData+): เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความรู้ภายในองค์กร ลดภาระงานของบุคลากร และยกระดับการดูแลผู้ป่วย
- “สมหมาย” แชทบอทกฎหมาย: ให้คำตอบที่แม่นยำและทันเวลาครอบคลุมกฎหมายไทย 35 ด้าน
- ความร่วมมือกับ TDRI: วิเคราะห์แนวโน้มตลาดแรงงานและทักษะที่กำลังเป็นที่ต้องการ เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายและการพัฒนาแรงงาน
- AI Voice Trainer: เสริมศักยภาพทีมขายประกันด้วยการฝึกอบรมแบบส่วนตัวจาก AI ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- แพลตฟอร์มที่ปรึกษาทางการเงินด้วย Agentic AI: ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถให้คำแนะนำที่ปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาดได้แบบเรียลไทม์
สำหรับผู้สนใจ SCBX AI Outlook 2025 สามารถดาวน์โหลดฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ SCBX