ล้ำไปอีก! NASA จับมือ IBM ใช้ AI ช่วยสำรวจโลก วิเคราะห์ปัญหา Climate Change สร้างคลังข้อมูล Earth Science

  • 34
  •  
  •  
  •  
  •  

ในปี 2023 นี้ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่าจะเป็นปีที่จะมีการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) นำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมหลังจาก AI ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดองค์การบริหารการบินและอวกาศ (NASA) ของสหรัฐ ได้จับมือกับ IBM บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก นำเทคโนโลยี AI ของ IBM มาใช้ในการสำรวจและวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของโลก คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมถึงสร้างคลังข้อมูลงานวิจัยกันแล้ว

ความร่วมมือระหว่าง NASA และ IBM ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำ AI มาใช้ประมวลผลข้อมูลจากดาวเทียมที่มีจำนวนมหาศาลโดยใช้เทคโนโลยี AI ที่เรียกว่า Foundation Model หรือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่คนทั่วไปเข้าถึงไม่ได้ โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี AI Foundation Model พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และถูกนำไปใช้กับ AI แบบ Natural Language Processing (NLP) หรือเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ประสบความสำเร็จอย่าง ที่เกิดขึ้นกับ ChatGPT เป็นต้น แต่สำหรับเทคโนโลยีของ IBM นั้นเป็นการใช้ Foundation Model ที่ยกระดับไปมากกว่าการใช้ภาษาเท่านั้น

เทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้าของ IBM จะเข้ามาช่วย NASA ในการจัดการกับข้อมูลการศึกษาและสำรวจโลกที่ในปัจจุบันทำได้ในอัตราที่เร็วขึ้นและมีปริมาณข้อมูลมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ได้ง่ายและเร็วขึ้น และสามารถนำไปใช้เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยเฉพาะเรื่อง Climate Change ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หนั่งในโครงการความร่วมมือระหว่าง NASA และ IBM ก็คือการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ต่างๆเช่น ภัยธรรมชาติ, วงจรผลผลิตการเกษตร, ถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า ที่ทำให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ระบบและวงจรความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น วิดีโอด้านล่างที่แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของทุ่งน้ำแข็งอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ของสหรัฐ

นอกจากนี้ NASA และ IBM ยังมีโปรเจ็กต์ร่วมกันในการใช้ AI ในการคาดการณ์สภาพอากาศและความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจากข้อมูลสำรวจอากาศปริมาณมหาศาลของ NASA รวมไปถึงโครงการในการใช้ AI สร้างคลังข้อมูลงานวิจัยด้าน Earth Science จากวารสารวิทยาศาสตร์หลายแสนฉบับ เป็นแหล่งข้อมูลให้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น รวมไปถึงจะมีการนำพลังของ AI เข้าไปผสานเข้ากับกระบวนการจัดการข้อมูลของ NASA เองด้วย

Rahul Ramachandran นักวิจัยอาวุโสศูนย์การบินอวกาศมาร์แชลของ NASA เปิดเผยว่า ความสวยงามของ Foundation Model ก็คือเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้กับแอปพลิเคชั่นได้อีกมากมาย และการสร้าง Foundation Model นี้ขึ้นมานั้นไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยทีมเล็กๆ แต่จะต้องมีความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเพื่อนำมุมมอง ทรัพยากร และทักษะที่แตกต่างกันมารวมเข้าไว้ด้วยกัน

ด้าน Raghu Ganti นักวิจัยที่ IBM บอกด้วยว่า Foundation Model นั้นถูกพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วผ่าน NLP และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะขยายความสำเร็จนั้นไปสู่รูปแบบใหม่ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจและสังคม และการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับข้อมูลที่มีพิกัดตำแหน่ง, ลำดับเหตุการณ์, ข้อมูลที่จัดเก็บในอนุกรมเวลา และข้อมูลในเงื่อนไขอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องของภาษาในสาย Earth Science นี้จะสามารถดึงข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าออกมาได้มากมายและกระจายข้อมูลไปสู่กลุ่มนักวิจัย ภาคธุรกิจและประชาชนได้ในทันที นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนที่กำลังทำงานด้านสภาพภูมิอากาศที่มีจำนวนมากได้ด้วย

ความร่วมมือระหว่าง NASA และ IBM ในการนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ยกระดับไปมากกว่าเรื่องของ “ภาษา” ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่า AI จะมีบทบาทสำคัญกับชีวิตของมนุษย์เรามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกหนึ่ง “ก้าวกระโดด” สำคัญของเทคโนโลยี AI ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับหลากหลายอุตสาหกรรมในอนาคตอย่างแน่นอน


  • 34
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE