ก้าวที่กล้าของ ไลรา ศรีเสงี่ยม กับภารกิจนำ KHALIFAH Greenway แบรนด์มุสลิมไทย เตรียมสยายปีกสู่ตลาดโลก

  • 10.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

Greenway_1

เธอเอ่ยกับเราว่า เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสำหรับแม่บ้านมุสลิมธรรมดาคนหนึ่งที่จะก้าวมาถึงจุดนี้

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณแม่ลูกสอง ที่เคยเพียงต้องการสินค้าเพื่อมาแก้ไขปัญหาเรื่องสุขภาพตนเอง ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้บริหารอายุน้อยร้อยล้านรุ่นใหม่ในระยะเพียงไม่ถึงปี เกิดจากการมองเห็นโอกาส และสามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจอย่างชัดเจน

“คือจุดเริ่มต้นมาจากการที่เราเป็นผู้หญิงมีลูกเล็ก ซึ่งทำให้เรามีเวลาดูแลตัวเองน้อยลง ก็รู้สึกว่าไม่ได้ละ ทำไมสุขภาพเราเป็นแบบนี้ เลยมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวช่วย ซึ่งเรามองอยู่สองเรื่องคือ หนึ่ง ต้องปลอดภัย และสอง ต้องมีการรองรับฮาลาล แต่เรากลับพบว่าในตลาดผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตรงนี้ไม่มีเลย”

Greenway_22

ไลรา ศรีเสงี่ยม ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งแบรนด์ KHALIFAH Greenway เปิดใจถึงก้าวแรกของการสร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยหลังจากพบว่าไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจได้ จึงคิดลงมือทำขึ้นเอง และเมื่อทดลองใช้จนเห็นผลลัพธ์ นำมาสู่ความคิดที่จะต่อยอดสู่ธุรกิจของตัวเองครั้งแรกในชีวิต

“เรามองว่าแม่บ้านมุสลิมคนอื่นๆ น่าจะต้องเจอปัญหาเหมือนเรา คือผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะช่วงมีหลังคลอด ส่วนใหญ่จะมีอารมณ์แปรปรวนด้านร่างกาย สาเหตุหนึ่งเกิดจากฮอร์โมนไม่เสถียร คนที่มีความหงุดหงิดง่าย วัยทอง รวมถึงรูปร่าง เหล่านี้เกี่ยวกับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายหมด พอเริ่มจากเราใช้เอง เกิดผลลัพธ์ที่เราพอใจ เราก็บอกต่อ สุดท้ายกลายเป็นกระแสกลายเป็นปากต่อปาก ในที่สุดแนวคิดดังกล่าวมันกลายเป็นรูปแบบการทำตลาดในแบบฉบับของคาลิฟา กรีนเวย์เลย คือ เน้นว่าคนต้องใช้ผลิตภัณฑ์เราและเห็นผลลัพธ์จริง”

Real Marketing” ความสำเร็จจากการบอกต่อ

“คนที่จะทานผลิตภัณฑ์แบรนด์เรา คือคนที่อยากกินอาหารเสริมแต่กลัวว่าเวลาทานแล้วไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ลูกค้าเราคือคนกลุ่มนี้ ซึ่งบังเอิญว่าส่วนใหญ่คือคุณแม่หลังคลอด เวลาจะหยิบอะไรเข้าปากทีค่อนข้างห่วงเป็นพิเศษ

ก่อนหน้านี้ ไลราเองเป็นเพียงแม่บ้าน อยู่กับบ้านเลี้ยงลูก ก็คิดว่าเราจะหารายได้เพิ่มทางไหนบ้าง เราเคยเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์อื่นมาก่อน แต่รู้สึกว่ามันเป็นสังคมอีกแบบ ที่ไม่ใช่ที่ๆ เราอยากจะอยู่ คือมีการแข่งขันกันสูงมาก เรามาคิดว่า ถ้าอยากมีรายได้ระดับนั้น เราจะต้องเปลี่ยนเป็นคนแบบไหน  ก็ถามตัวเองว่าระหว่างรายได้กับการที่เราอยากเป็นคนดี เราจะเลือกอะไร ซึ่งหลังจากได้มีโอกาสมาทำแบรนด์ของตัวเอง ไลราเลยตั้งใจไว้ว่าอยากทำแบรนด์ที่มีความปลอดภัย และเป็นแบรนด์ที่เกิดจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค”

สร้างธุรกิจด้วยจริยธรรมตามหลักศาสนา

แม้ไม่ได้ใช้ Influencer แต่อย่างใด แต่พลังการบอกต่อมีอานุภาพสูงยิ่งกว่า เพราะนี่คือ “Real Marketing” ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ

Greenway_3

“เราเลือกไม่ใช้ Endorser เลย เพราะคิดว่าเราต้องการมอบความจริงใจ คือไลรามองจากตัวเองว่า เราเห็นเน็ตไอดอลถือผลิตภัณฑ์ เราไม่เชื่อนะ ก็เลยใช้วิธีเดียวกันนี้กับตัวแทนเราส่วนใหญ่ ว่าถ้าเขาไม่พบผลลัพธ์สินค้าเขาจะไม่สามารถบอกลูกค้าได้ ทุกวันนี้”ตัวแทนเราร้อยเปอร์เซ็นต์เลยคือคนที่เขาใช้ผลิตภัณฑ์เรามาก่อน เป็นคนที่ใช้จริงแล้วเห็นผลลัพธ์ จึงอยากขอเป็นตัวแทน” ซึ่งมีน้อยแบรนด์มากที่คุณต้องใช้สินค้าก่อนจะมาเป็นตัวแทนได้”

ปัจจุบันคาลิฟา กรีนเวย์มีตัวแทนจำหน่ายที่ขยายทั่วประเทศกว่า 3,000 คน ในระยะเวลากว่าสองปี และเพียงแค่ปีแรก แบรนด์ยังสามารถทำรายได้ทะลุร้อยล้านบาท ที่สำคัญมียอดลูกค้าสั่งซื้อซ้ำสูงถึงกว่า 90%

“ยอมรับว่าเป็นการตอบรับเกินที่เราคาดไว้มาก ตอนแรกที่ทำเห็นโอกาส คิดว่าตลาดนี้ยังไม่มีคู่แข่ง เติบโตแน่นอน แต่ก็ไม่ได้คาดว่าจะทำยอดรายได้ 109 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง 9 เดือน คิดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความแตกต่าง และยังไม่มีผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้เลยในตลาด ทำให้ได้ผลตอบรับดี”

ความแตกต่างที่ว่าคืออะไร

“อย่างแรก คือเราให้ความสำคัญเรื่องฮาลาล” ไลรากล่าวต่อว่า “ฮาลาล” เป็นการรับรองผลิตภัณฑ์ว่า ทั้งวัตถุดิบและกระบวนการผลิตไม่มีส่วนประกอบหรือกระบวนการใดที่ผิดหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งจะเน้นเรื่องความสะอาดตามหลักศาสนา ที่มีทั้งความเฉพาะตัวและทำให้ผู้บริโภคสบายใจ นอกจากนี้การทำธุรกิจตามหลักศาสนาอิสลามต้องไม่กล่าวอ้างเกินจริง

ด้วยการให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักศาสนามาเป็นแนวทางหลักในการทำงาน ซึ่งได้แก่ ความซื่อสัตย์ จริงใจซึ่งกันและกัน สร้างสังคมที่ปลอดภัย นำมาสู่เครือข่ายธุรกิจที่มีความเกื้อกูลเป็นกลยุทธ์ที่หลัก

Greenway_4

“ทุกคนที่เข้ามามองว่าเป็นพี่น้องกัน เราจับมือกัน มันทำให้สังคมนี้เติบโต ปัจจุบันที่นี่เลยกลายเป็นสังคมที่ช่วยเหลือกัน บางคนเขารู้สึกว่าเขาอยากใช้ชีวิตแบบนี้ เขาอยากอยู่สังคมแบบนี้ เขาก็เปลี่ยนมากับเรา

จริงๆ ธุรกิจอาหารเสริมปัจจุบันมันเสมือน Red Ocean มีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน แต่สำหรับแบรนด์ของเรา รู้สึกได้ว่ามันคือ White Ocean ที่อยู่ใน Red Ocean เพราะเรามีความชัดเจนในเรื่องภาพลักษณ์ ด้วยความเป็นองค์กรมุสลิม

เพราะในขณะที่เขาทำงานแบบเดียวกัน ใช้เวลาเท่ากัน ลงแรงเหมือนกัน แต่ไลราเชื่อว่าเขาอาจได้ผลตอบรับไม่เท่ากับเรา เพราะเรามีความชัดเจนในแนวทางการทำธุรกิจที่แตกต่างจากคนอื่น ทำให้การแข่งขันไม่สูงมาก ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับการหาลูกค้ามากมาย เพื่อที่จะได้ยอดขาย”

จุดยืน “แบรนด์มุสลิม เพื่อคนมุสลิม”

“หลังจากที่ได้ศึกษาตลาด ไลราพบว่าคนลงทุนในตลาดนี้สูงมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่มุสลิม หรือไม่ค่อยมีแบรนด์ที่เจ้าของเป็นชาวมุสลิมมากนัก  ซึ่งเรามีความเข้าใจในคนมุสลิม ที่ไม่ใช่แค่มีตราฮาลาลแล้วก็จบ แต่เนื่องจากผู้หญิงมุสลิมจะมีความเชื่อที่จำกัดในเรื่องที่จะออกมามีตัวตน หรือทำงาน  การที่จะก้าวออกมาเป็นผู้หญิงมุสลิมที่ทำธุรกิจ หรือมีอาชีพ ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยาก พอเราเข้าใจจุดนี้ เราจึงใช้หลักศาสนาเข้าไปเสริมความเชื่อมั่นให้เขา ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ผิดหลักศาสนาอิสลามนะ

เราคิดว่าเราทำได้ คนอื่นก็ลุกก็มาทำและเติบโตได้เหมือนกัน จากเดิมที่เขาอยู่แค่บ้าน แล้วปล่อยตัว ซึ่งไลราไม่ได้สอนแค่การขาย แต่เราแบ่งปันทุกเรื่อง เช่น เราเคยจัดเวลาไม่ได้ พอเราทำได้เราก็เอามาแชร์ เพราะเป้าหมายคือเราอยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หันมาเห็นคุณค่าในตัวเองและรักตัวเอง

เมื่อเรารู้จักคนของเรา เรารู้ว่าเขามีความเชื่อแบบไหน นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้สังคมแม่บ้านมุสลิมที่พัฒนาตัวเองมาเป็นนักธุรกิจ เราทำให้เขาเปลี่ยนความเชื่อ เขามีความมั่นใจมากขึ้น และก้าวข้ามจากจุดที่เขาอยู่มาเป็นนักธุรกิจ ส่วนจุดแข็งที่สอง สินค้าใช้วัตถุดิบที่หาไม่ได้ในที่อื่น และมีสิทธิบัตรของเราเอง สามารถป้องกันในเรื่องการลอกเลียนแบบได้ระดับหนึ่ง”

เมื่อมองเห็นตลาด ก็เห็น “โอกาส”

แม้วันนี้จะยังทำยอดขายได้ตามเป้าคือปีละ 100% ในทุกปี และยังไม่มีคู่แข่ง แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าเรื่องนี้จะไม่เกิด ในฐานะคนทำธุรกิจย่อมไม่พลาดที่จะเตรียมรับแผนกับจุดนี้

ขณะเดียวกัน การเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง และให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาต่อยอดเสมอ ทำให้เธอค้นพบว่าตลาดมุสลิมนั้นกว้างใหญ่ แถมยังมีดีมานด์มากกว่าที่คิด

ด้วยความมั่นใจในสินค้าและรูปแบบธุรกิจ จึงมองเห็น “โอกาส” ว่าคาลิฟา กรีนเวย์ไม่ควรจำกัดการเติบโตแค่ในประเทศไทย แต่ทั้งนี้ เธอตระหนักดีว่าจะต้องหา “เครื่องมือ” ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปถึงเป้าหมายการก้าวสู่ตลาดโลก

“ตอนเริ่มต้นเราเป็นเพียงธุรกิจคนไทยมุสลิมที่ทำธุรกิจในประเทศ แต่วันนี้เรามีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปสู่ระดับอาเซียน และระดับโลกมากขึ้น ไลราเชื่อว่าการที่เราก้าวก่อน และเราไม่หยุดพัฒนาตัวเองคือความได้เปรียบของเรา จึงพยายามเสาะแสวงหาว่าอะไรคือปัจจัยที่จะทำให้เติบโตในระดับสากลได้”

จากร้อยล้านปีแรก สู่แผนบุกตลาดโลก

Greenway_5

“สิ่งแรกคือเราให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้รับการรองรับมาตรฐานทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งเมื่อก่อนเราทำตลาดในไทย การได้แค่เครื่องหมาย อย.อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อเราตั้งเป้าสู่ตลาดนอกประเทศ คงไม่พอแล้ว ล่าสุดสินค้าของเรา รองรับมาตรฐานตราสัญลักษณ์ NPA จากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกแห่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า ผลิตภัณฑ์ของคาลิฟา กรีนเวย์นั้นสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติมากกว่า 95% และไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งเรามั่นใจว่าในประเทศไทยและเซาท์อีสเอเชียยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ได้รับตรารองรับตัวนี้”

ขณะเดียวกันอีกเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาเสริม คือการใช้เทคโนโลยีด้านไอทีเพื่อช่วยในการบริหารการขายและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตัวแทน โดยซอฟท์แวร์ดังกล่าวจะเป็นผู้ช่วยทั้งด้านคำสั่งซื้อ คำสั่งขาย ดูประวัติการซื้อลูกค้า การทำการตลาด สร้างกิจกรรมการตลาดแต่ละบุคคลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งตัวแทนจึงสามารถจำหน่ายสินค้าที่ไหนก็ได้ในโลก โดยหน้าที่บริหารคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ทางกรีนเวย์เป็นผู้รับผิดชอบ

“เหนือจากนั้นเรายังมีกระบวนการพัฒนาทักษะให้กับตัวแทน ทั้งการใช้เครื่องมือสารสนเทศ ทักษะในการนำเสนอสินค้า และเรายังวางแผนสื่อสารการตลาด ทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ในระดับสากล เรามี Influencer ที่เป็นมุสลิมในสหรัฐอเมริกา ทิศทางของเราที่จะไปนั้น ไม่ได้มองว่าเป็นแค่ธุรกิจแน่นอน แต่ต้องมี Social Contribution เราเน้นการ Cultivate คน  เราจะ Grooming เขาทางด้าน Mind Set”

ปัจจุบันคาลิฟา กรีนเวย์เริ่มมีตัวแทนกระจายอยู่ในต่างประเทศกลุ่มมุสลิมเติบโตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอีกฐานตลาดใหญ่ของประชาคมมุสลิม เลยไปถึงดูไบ โดยกลุ่มตัวแทนเหล่านี้ล้วนเกิดจากการบอกต่อปากต่อปากเช่นเดียวกัน

โดยมูลค่ารายได้จากตลาดในประเทศยังเป็นหลักที่ 80% และต่างประเทศ 20% แต่คาลิฟา กรีนเวย์มีเป้าหมายจะเพิ่มการเติบโตตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นจากปีที่แล้ว 100% ซึ่งตลาดสำคัญในตอนนี้คืออินโดนีเซียและมาเลเซีย ส่วนในประเทศมีการวางเป้าเติบโต 100% ทุกปี

Greenway_6

ด้วยจุดแข็งของแบรนด์และแนวทางการทำตลาดที่เด่นชัด คาลิฟา กรีนเวย์ยังเป็นที่สะดุดตาผู้ร่วมทุนในสหรัฐอเมริกา ที่สนใจมาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจระดับโกลบอล โดยตั้งเป้าที่จะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจสู่การเป็น “องค์กรมุสลิมองค์กรแรกด้านสุขภาพและความงามที่ทำธุรกิจในระดับสากล”

“ดังนั้นในไตรมาสสามปีนี้ คาลิฟา กรีนเวย์กำลังจะมีความเคลื่อนไหวแบบก้าวกระโดดอีกมากมาย อยากให้ทุกคนคอยติดตาม” ผู้บริหารคาลิฟา กรีนเวย์กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LINE : @KHALIWORLD


  • 10.1K
  •  
  •  
  •  
  •