12 เทรนด์ ‘ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง’ ที่มาแน่ในปี 2565

  • 629
  •  
  •  
  •  
  •  

การตลาดในยุคดิจิทัลถือว่า มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องของ Digital marketing ซึ่งในปี 2565 มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจะมี 12 เทรนด์ที่แบรนด์ต้องจับตามองและวางแผนให้ดีว่า จะนำแนวโน้มเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความได้เปรียบและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างไร

1.Meta จะอยู่ทุกที่

การเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ จาก Facebook เป็น Meta  นับเป็นการเดิมมหาศาลสำหรับ Facebook กับ Metaverse ซึ่งจะเป็นการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับผู้คน และเป็นการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่สำหรับโลกดิจิทัลในอนาคต โดยนักการตลาดเองก็ต้องมองหาโอกาสในการสร้างธุรกิจบนโลก  Metaverse ไว้เช่นกัน

2.Influencer ยังโตต่อเนื่อง (แม้แต่ใน B2B)

ในปี 2564  มีการคาดการณ์ว่า Influencer Marketing จะมีมูลค่าสูงถึง 13.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจบริบทและความเกี่ยวข้องของสินค้าได้ดีขึ้น กระทั่งธุรกิจในกลุ่ม B2B (Business to Business) ก็ยังใช้การตลาดรูปแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น Adobe, SAP, GE และ PWC ดังนั้น นักการตลาดต้องมองหาวิธีในการโปรโมทแบรนด์หรือสินค้าของตัวเองผ่าน Influencer Marketing ไว้ด้วย

3.การโฆษณา ถูกท้าทายด้วยนโยบายความเป็นส่วนตัว

โฆษณาดิจิทัลสมัยใหม่ ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมากในการเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร และเมื่อกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวใหม่เข้ามา เช่น การอัปเดต iOS และการยกเลิกระบบ Cookie ทำให้ข้อมูลที่จะใช้ป้อนสำหรับประมวลผลผ่านระบบ AI ลดลง ซึ่งนักการตลาดต้องเร่งวางแผนและรับมือกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่จะเข้ามากระทบกับการโฆษณา

4.นักการตลาด ต้องมีกลยุทธ์มากขึ้น

แม้ระบบอัตโนมัติ , AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning จะเข้ามาช่วยการทำงานของนักการตลาด แต่นักการตลาดเองก็จำเป็นต้องมีกลยุทธ์มากขึ้นและวางแผนให้รอบคอบมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้เครื่องมือทางการตลาดมีให้เลือกใช้เพิ่มขึ้น ดังนั้น นักการตลาดต้องคิดอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อมุ่งไปในสิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างแท้จริง

5.LinkedIn กำลังเติบโต เติบโต และเติบโต

LinkedIn ยังคงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการดิจิทัล ในแต่ละไตรมาสแสดงให้เห็นว่า มีผู้ใช้งานและ Active ต่อเดือนเพิ่มขึ้นอย่างมากบนแพลตฟอร์ม ซึ่ง LinkedIn เองก็เปิดตัวฟีเจอร์การใช้งานใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจและเพจ ดังนั้น นักการตลาดควรให้ความสำคัญกับ LinkedIn และอย่ามองข้าม

6.SEO ซับซ้อน และใช้ยากขึ้น

SEO เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เพิ่มประสิทธิภาพในการตลาดดิจิทัลที่นับว่า เก่าแก่และมีค่าที่สุด แต่ด้วยอัลกอริธึมการค้นหามีความชาญฉลาดและมีบริบทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักการตลาดควรให้ความสำคัญกับ SEO น้อยลง และหันมาให้ความสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่โดดเด่นและมีความหมายแก่ผู้ใช้ของตนให้มากขึ้น

7.ประสบการณ์ คือ New social currency

ขณะที่ธุรกิจต่างๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากสังคม และต้องการให้ผู้บริโภคเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก  แต่เมื่อทุกธุรกิจต่างแข่งขันกันเพื่ออยู่ในความสนใจของผู้คนและตลาด การทำแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นนักการตลาดควรมุ่งเน้นที่จะเข้าถึงและสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกขั้นตอนระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เพื่อให้ได้รับการพูดถึงและคำบอกเองจากลูกค้าบนโลกโซเชียลมีเดีย

8.งานด้านดิจิทัลยังคงเติบโต

จากข้อมูลของ LinkedIn พบว่า ทักษะดิจิทัลเป็นที่สิ่งที่ต้องการมากที่สุด แต่คนที่มีทักษะนี้ก็ยังมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับความต้องการขององค์กรต่าง ๆ นักการตลาด จึงควรเพิ่มทักษะของตัวเองในเรื่องนี้ และสนใจเรื่องที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้นำองค์กร ก็ควรมีแผนเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลให้กับคนในองค์กร

9.Facebook (Meta) ยังไม่ไปไหน

มีพาดหัวข่าวมากมายเกี่ยวกับผู้คนที่ไม่อยากจะเล่น Facebook แล้ว แต่ความจริงก็คือ Facebook จะไม่ไปไหน โดยปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้เกือบ 3 พันล้านคน และมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นทุกเดือน ดังนั้น Facebook ก็จะยังมีความสำคัญและคงครองความเป็นผู้นำต่อไป

10.เว็บไซต์ต้องโหลดให้เร็วขึ้น

คนเข้าชมเว็บไซต์ ผ่านอุปกรณ์มือถือมากที่สุด อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ส่วนใหญ่ยังไม่มีการสร้างประสบการณ์ให้เหมาะกับมือถือเท่าที่ควร และเมื่อ Google ได้เปิดตัว เปิดตัว Core Web Vitals ที่ทำให้ความเร็วในการเข้าเว็บไซต์มีความสำคัญมากขึ้นไปอีก ดังนั้น นักการตลาดต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เว็บไซต์ของตนตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีแล้ว

11.ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยอัลกอริธึม

ทุกส่วนของการตลาดดิจิทัล ทั้งฟีดข่าวโซเชียลมีเดีย, โฆษณาแบบดิสเพลย์, Social Ad, SEOกระทั่งอีเมล์ ล้วนแล้วถูกขับเคลื่อนด้วยอัลกอริธึมทั้งหมด ซึ่งอัลกอริธึมพยายามปรับให้เหมาะสมกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ ดังนั้น นักการตลาดควรมอบประสบการณ์การใช้ที่ลูกค้าต้องการ ไม่เช่นนั้นโอกาสการมองเห็นในเนื้อหาของแบรนด์และลูกค้าจะลดน้อยลง

12.Less is more

แม้ตัวเลือกของการทำ Digital marketing จะมีมากมายหลายช่องทาง แต่ธุรกิจที่สมาร์ทควรจะมีช่องทางที่โฟกัส และตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม

สุดท้ายที่อยากจะย้ำ คือ แม้ปัจจุบันจะมีเครื่องมือดิจิทัลใหม่ ๆ เกิดขึ้น และนักการตลาดเองก็ชอบเทรนด์ เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ทว่าความจริงการเติบโตของธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงมาจากเครื่องมือพื้นฐานในการทำ Digital marketing และอย่าลืมให้ความสำคัญกับรากฐานของธุรกิจของตัวเอง ดีกว่าจะไปทดลอง (และฟุ้งซ่าน) กับเครื่องมือใหม่ทุกชิ้น

 

ที่มา : forbes.com


  • 629
  •  
  •  
  •  
  •