เรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ Social Media คือ “ความแตกต่าง” แตกต่างทั้งประโยชน์ วิธีใช้ และผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น Twitter ที่ถูกจำกัดด้วยจำนวนตัวอักษร หรือ Instagram ที่เน้นแต่ภาพ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีข้อเสียแตกต่างกันไป
บางคนอาจยังงงๆ ว่า Visual Social Media คืออะไร จริงๆ แล้ว Visual Social Media ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Social Media ที่เน้นการสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยใช้รูปภาพ และวีดีโอ หรือ Visual Content อย่างอินโฟกราฟฟิก เป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูล จุดเด่นของ Visual Social Media อยู่ที่การสื่อสาร และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย ซึ่งแตกต่างจาก Social Media แบบธรรมดาที่เน้นการส่งข้อความเพียงอย่างเดียว
มาดูกันว่า เราจะเรียนรู้จากแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์ Visual Social Media ทำตลาดจนประสบความสำเร็จได้อย่างไร
1. ใช้ภาพบนทวิตเตอร์
อย่ามัวแต่เอาเวลามาคิดว่าจะทำอย่างไรให้พอดีกับ 140 ตัวอักษร บางทีคุณอาจจะลืมไปว่าทวิตเตอร์ก็โพสต์ภาพได้ครั้งละ 4 ภาพ และยังได้ผลดีอีกด้วย ลองคิดดูว่าเมื่อลูกค้าเข้ามายังทวิตเตอร์แล้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ก็เจอแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด มันก็คงไม่น่าสนใจนัก ถ้าคุณเป็นนักการตลาด หรือแบรนด์ คงทราบกันดีว่า การเลือกใช้ภาพจะมีผลอย่างมาก ภาพที่ดีแต้องดึงดูดสายตา มีความคมชัด และสวยงาม จะเห็นได้จากทวิตเตอร์ของ McDonald’s ใครเห็นภาพนี้แล้วไม่หิวคงแปลก
2. ทำแคตตาล็อก
สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ วิธีการนำเสนอสินค้าถือเป็นใหญ่ เพราะลูกค้าจะไม่เห็นสินค้าจริงก่อน พวกเขาต้องยอมเสี่ยงที่จะตัดสินใจซื้อ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้คือ แคตตาล็อก ที่อยู่ในหน้าจอสมาร์ทโฟน
ถ้าคุณมีภาพสวยๆ จำนวนมาก หรือเช็ตแฟชั่นสำหรับฤดูกาลนี้ ก็สามารถนำมารวบรวมเป็นแคตตาล็อกได้ แพลตฟอร์มที่เหมาะสมจะทำแคตตาล็อก คือ Google+, Facebook และ Pinterest เพราะแบรนด์สามารถโพสต์ได้ครั้งละหลายๆ ภาพ ซึ่งจะง่ายและสะดวกต่อผู้ซื้ออย่างมาก
หรือจะดูได้จากแบรนด์ Hugo Boss ที่ใช้ Google + ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://plus.google.com/+hugoboss/posts
3. ทำวิดีโอสั้น
ไม่ว่าจะเป็นไวรัลคลิป วิดีโอโปรโมทสินค้า ถ้าทำออกมาดี ยังไงก็เรียกความสนใจได้แน่นอน ทว่า เราขอเสนอไอเดียง่ายๆ ในการทำคอนเทนต์วิดีโอนั่นก็คือ วิดีโอสโลโมชั่น สมมติว่าคุณกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่ และมีวิดีโอที่บันทึกไว้ตลอดงาน แต่จะเอามาโพสต์ทั้งหมดก็คงไม่ได้ ลองตัดบางส่วนที่น่าสนใจ และเป็นความทรงจำดีๆ หรือภาพแอบถ่ายก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ก็ต้องมีเสียงประกอบที่ดีด้วย
4. ใช้ SlideShare
SlideShare เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการฝากไฟล์ประเภทงานนำเสนอในรูปแบบไฟล์ pdf, ppt, powetpoint ฯลฯ เป็นแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูง และไม่ว่าใครๆ ก็ใช้งานได้ ถ้าคุณมีต้องข้อมูลที่ต้องการนำเสนอจำนวนมาก แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง SlideShare ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น Salesforce ที่ให้ความสำคัญกับการใช้สื่อต่างๆ ในการนำเสนอข้อมูลไปยังคนจำนวนมาก Salesforce ก็เลือกใช้ SlideShare เพื่อถ่ายทอดความรู้ที่เป็นประโยชน์ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ด้วย
5. โชว์ แต่ไม่ต้องบอก
ทุกวันนี้การใช้โปสเตอร์ที่มีภาพสินค้า มีข้อมูลอย่างละเอียดได้กลายเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิด แต่ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ เราแนะนำให้ใช้ภาพถ่ายทอดข้อความ โดยเฉพาะถ้าเป็นสินค้าใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว เลือกใช้ภาพเจ๋งๆ ไปเลย เพราะภาพที่ดีจะสร้างการมีส่วนร่วมได้ และทำให้เกิดการคลิกต่อมายังเว็บไซต์
ทั้งนี้ คุณอาจทำเป็น 2 เวอร์ชั่นได้ เพื่อความสะดวกในการทำตลาด
6. โพสต์ภาพเบื้องหลัง แสดงให้เห็นไปเลยว่าเราทำอะไร
ภาพประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพอย่างมากในโลกออนไลน์ เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs ที่กำลังขยายฐานลูกค้า การโพสต์ภาพเบื้องหลังการทำงาน จะสร้างความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นได้ แสดงให้ลูกค้าเห็นไปเลยว่าคุณคือใคร และกำลังทำอะไร
ทั้งนี้ พยายามใช้ภาพที่เป็นธรรมชาติ ผ่อนคลายที่สุด ในอิริยาบถต่างๆ เช่น การพูดคุย ประชุม วางแผน หรือแม้แต่กินข้าว หลักสำคัญคือ ทุกคนต้องมีความสุขกับงานที่ทำ
7. เห็นลูกค้าเป็นคนสำคัญ
สำหรับนักการตลาด คงรู้จัก Earned Media กันอยู่แล้ว ถ้ามีลูกค้าพูดถึงสินค้าหรือบริการของคุณ รวมถึงการรีวิวสินค้า นี่คือคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะมันมาจากเสียงของลูกค้า ส่งต่อไปยังลูกค้าในอนาคตอีกหลายราย คุณก็ควรนำคอนเทนต์เหล่านั้นมาแชร์ต่อ
8. ใช้ภาพ Cover บน Facebook ให้เกิดประโยชน์
ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าภาพ Cover บน Facebook นั้นมีความสำคัญอย่างไร ภาพ Cover นี้จะเป็นประตูด่านแรกที่จะทำให้ผู้บริโภครู้จักคุณ หนึ่งในแบรนด์ที่ทำได้ดีคือ Starbucks ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ภาพ กี่เทศกาล ก็ยังดึงดูดสายตาเราได้เสมอ
9. ปักหมุด
เมื่อพูดถึง Social Media จะไม่พูดถึง Pinterest ก็คงไม่ได้ แม้ในบ้านเราจะไม่นิยมใช้นัก แต่ก็ไม่เสียหายที่จะเรียนรู้ จริงๆ แล้ว Pinterest เป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพมากกว่าที่เราคิด และตอบโจทย์การทำธุรกิจได้หลายๆ ด้าน
สำหรับการใช้งานเพื่อธุรกิจ คงต้องยอมรับว่าเราคงไม่มีภาพสวยๆ มาโพสต์ทุกวัน สิ่งที่แบรนด์จะทำได้คือ การปักหมุด หรือ Pin it ในภาพที่คุณชอบหรือเกี่ยวข้องกับแบรนด์ และยังลิ้งก์ไปยังบล็อก หรือบอร์ดที่คุณสร้างได้อีกด้วย
จากที่กล่าวไปทั้ง 9 ข้อนี้ จะเป็นเพียงคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ก็จะมีเรื่องเล็กๆ ให้เราทำเพิ่มเติมได้อีกเรื่อยๆ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ