ด้วยยุคนี้เป็นยุคของการตลาดที่ใช้ Data กันอย่างมากเพราะด้วย Data ต่างๆเหล่านี้จะทำให้นักการตลาดนั้นสามารถทำงานต่างๆได้แม่นยำและถูกต้องมากขึ้นได้และด้วยข้อมูลเหล่านี้นักการตลาดเองก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือมากมายที่จะเก็บข้อมูลต่างๆเหล่านี้เพื่อมาวัดผลตั้งแต่ก่อนทำงานระหว่างทำงานและหลังทำงานซึ่งเป็นข้อดีของปัจจุบันที่นักการตลาดนั้นมีเครื่องมือต่างๆให้เลือกใช้มากมายตามงบประมาณที่มีและด้วยเครื่องมือเหล่านี้กับการวิเคราะห์ของนักการตลาดเองก็สามารถเปลี่ยนให้การตลาดที่ทำในปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่สามารถนำหน้าคู่แข่งได้
ยิ่งด้วยการทำการตลาดในตอนนี้นั้นเน้นการทำ Content Marketing เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น Website, Social Media หรือการเอา Content ต่าง ๆ มาต่อยอดเป็น Advertising Campaign ทั้งหลาย รูปแบบเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยการใช้แค่ความคิดครีเอทีฟอีกต่อไป แต่ถูกเก็บข้อมูลต่าง ๆ มากมายจนทำให้เข้าใจว่าจะต้องสื่อสารแบบไหนกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ได้ผลที่สุดในการทำการตลาด และในระหว่าวงการทำการตลาดจะต้องมีการปรับแต่งอย่างไร จนถึงสุดท้ายจะสามารถเรียนรู้และหาว่าได้ผลอย่างไรได้ด้วย ซึ่งทั้งนี้เกิดขึ้นจากการมีข้อมูลที่ป้อนขึ้นมาทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้นักการตลาดในยุคนี้จึงต้องหาเครื่องมือทั้ง 3 รูปแบบนี้ในการทำงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพขึ้นมา
1. เครื่องมือวิจัย : การเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคนั้นมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้รับรู้ได้ว่าจะต้องทำแคมเปญหรือสื่อสารอย่างไรให้ตรงใจผู้บริโภค รวมทั้งช่องทางและรูปแบบที่ต้องใช้ การมีเครื่องมือวิจัยผู้บริโภคดี ๆ นั้นสามารถทำให้นักการตลาดได้เปรียบจากคู่แข่งได้ทันที หรือสามารถทำให้รู้ได้ว่าผู้บริโภคตัวเองนั้นมีความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไรอีกด้วย ดังนั้นการหาเครื่องมือที่ทำวิจัยได้ดี ๆ ตั้งแต่เครื่องมือฟรีอย่าง Google Trend หรือ Facebook Audience Insight จนถึงเครื่องมือเสียเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Monitoring Tools หรือ Listening Tools จนถึงเครื่องมือแพงอย่าง Consumer. Analytics Tools พวกนี้สามารถทำให้นักการตลาดวางแผนและทำงานได้ง่ายขึ้นอย่างมาก เพราะจะรู้ว่าจะต้องทำอะไรในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลที่ดีสุดออกมา หรือสามารถวางประสบการณ์ของผู้บริโภคในแต่ละขั้นไปถึงการจบการขายได้เลยทีเดียว
2. เครื่องมือจัดการ : เมื่อได้เครื่องมือที่มาช่วยวางแผนต่าง ๆ แล้ว สิ่งสำคัญคือการมีเครื่องมือที่จะมาคอยจัดการงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมา ซึ่งในขั้นนี้มีตั้งแต่เครื่องมือจัดการอย่างง่ายที่นักการตลาดต้องลงมือเองอย่างมากมายแล้วนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์เองไม่ว่าจะเป็น Monitoring Tools หรือ Listening Tools ที่ใช้ในขั้นตอนวิจัยก็สามารถนำมาใช้เพื่อติดตามผลของการทำงานได้ หรือจะใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics เพื่อวัดผลของการทำงานเว็บไซต์ หรือจะมีเครื่องมือในการจัดการงาน Content ต่าง ๆ ไม่ว่าจะ Sprout Social หรือ Hootsuit เครื่องมือเหล่านี้นักการตลาดต่างก็ต้องใช้แรงตัวเองในการทำงานต่าง ๆ มากมายในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ออกมา เพื่อนำมาปรับปรุงในระหว่างการทำงาน แต่ในยุคนี้ก็มีเครื่องมืออีกประเภทหนึ่งที่นักการตลาดนิยมใช้อย่างมากขึ้นมา เพราะสามารถประหยัดเวลาและการใช้แรงของนักการตลาดได้ นั้นคือการใช้เครื่องมือประเภท Marketing Automation ซึ่งในปัจจุบันจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นขายเป็น Solution ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Salesforce หรือ IBM เองก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ แทบจะทำงานให้นักการตลาดจนหมด และสามารถปรับแต่งตัวเองเพื่อให้เกิดประสิทธิผลทางการตลาดที่สุดออกมาได้ด้วย
3. เครื่องมือวัดผล : เมื่อทำงานไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องมาวัดประสิทธิภาพการทำงานต่าง ๆ กันออกมา ซึ่งเครื่องมือวัดผลนั้นจะทำให้เห็นว่าการลงทุน ลงแรงที่ออกไปนั้นได้ผลหรือไม่ได้ผล ซึ่งด้วยเครื่องมือการวัดผลนี้ก็มีตั้งแต่มิติเดียวคือ วัดผลนั้นระดับที่ทำงานอยู่ไม่ได้เชื่อมกับข้อมูลอื่น ๆ จนถึงเครื่องมือประเภทหลายมิติที่เชื่อมข้อมูลต่าง ๆ ที่จะทำให้นักการตลาดเห็นทั้งภาพรวมและแบบละเอียดขึ้นมา ในรูปแบบแรกนั้นลองนึกถึงเครื่องมืออย่าง การรายงานผลการซื้อโฆษณาที่ทำให้นักการตลาดรู้ว่าผลของการซื้อโฆษณาเป็นอย่างไรบ้าง หรือหลังบ้านของ Facebook และ Google Analytics ซึ่งข้อมูลพวกนี้จะทำให้นักการตลาดเห็นเบื้องต้นว่าการทำงานที่ออกไปเป็นอย่างไร แต่ถ้าอย่างเห็นหลาย ๆ มิติเชื่อมโยงกัน นักการตลาดอาจจะต้องใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดมากขึ้นจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Salesforce หรือ IBM หรือ Adobe ด้วยเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้นักกาตลาดเห็นตั้งแต่ภาพเบื้องต้น เชื่อมโยงไปถึงการขายเลยทีเดียว
ทั้งนี้การใช้เครื่องมือนั้นไม่ได้มีเครื่องมือไหนที่เหมาะสมหรือดีที่สุด เพราะเครื่องมือเป็นแค่อุปกรณ์ทุนแรง และขึ้นอยู่กับว่านักการตลาดนั้นถนัดแบบไหนมากกว่ากัน เพราะในที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานคือคนที่นั่งดูแลเครื่องมือเหล่านี้และวิเคราะห์เครื่องมือเหล่านี้ให้แสดงผลที่ดีที่สุดออกมา