ในวันที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้เล่นในตลาด OTA (Online Travel Agent) ต่างเดินเกมใหม่เพื่อยึดหัวใจนักเดินทางยุคหลังโควิด หนึ่งในนั้นคือ AirAsia MOVE แพลตฟอร์มจองการเดินทางภายใต้เครือ Capital A ที่เพิ่งเปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less – เดินทางมากขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า” พร้อมกับเผยเทรนด์การท่องเที่ยวปี 2568 ที่สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่ “ความยืดหยุ่น–ประสบการณ์–ความคุ้มค่า” กลายเป็นคำตอบสำคัญ
MOVE กับก้าวใหม่ในไทย – รุกตลาด OTA ด้วยแนวคิด Travel More for Less
หลังจากรีแบรนด์จาก AirAsia Superapp มาเป็น MOVE อย่างเป็นทางการในปี 2567 แพลตฟอร์มนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาค โดยยอดจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ของแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นถึง 64% และยอดจองโรงแรมโตขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
การเปิดตัวลวดลายใหม่บนเครื่องบิน Airbus A320 ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงดอนเมือง จึงเป็นกิจกรรมสื่อสารแบรนด์ซึ่งเป็นการตอกย้ำพันธกิจของ MOVE ที่ต้องการทำให้การเดินทางเข้าถึงง่ายขึ้น คุ้มค่ามากขึ้น และยืดหยุ่นกว่าที่เคย
คุณนาเดีย โอมาร์ CEO ของ MOVE กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“MOVE ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่มันคือการเปลี่ยนแนวคิด เพราะนักเดินทางยุคใหม่ต้องการมากกว่าแค่ตั๋วเครื่องบิน พวกเขาต้องการความยืดหยุ่น ความเรียบง่าย และความคุ้มค่า”

เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2568 – Insight จากพฤติกรรมผู้ใช้จริง
ในงานเปิดตัว MOVE Thailand Launch 2025 ทีม MOVE ยังได้เปิดเผยข้อมูลพฤติกรรมการท่องเที่ยวจากฐานผู้ใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม ซึ่งสรุปออกมาเป็น 3 เมกะเทรนด์สำคัญ ที่สะท้อนอนาคตของการเดินทาง ได้แก่
1. เมืองรองมาแรง – เพราะความแปลกใหม่และความเป็นท้องถิ่น
แม้การท่องเที่ยวในประเทศยังครองสัดส่วนสูงถึง 79.89% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมืองรอง อย่างเชียงราย ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยผู้บริโภคหันมาแสวงหาความเป็น “Local Authenticity” มากกว่าการไปเยือนแลนด์มาร์กเดิม ๆ
2. Flexi Planning – วางแผนอย่างยืดหยุ่น
เทรนด์ “จองแบบยืดหยุ่น” หรือ Flexi Planning กำลังมาแรง โดยพบว่าผู้ใช้งาน 26.52% จองล่วงหน้ามากกว่า 1 เดือน ขณะที่อีก 18.04% จองภายใน 4–7 วันก่อนเดินทาง ซึ่งสะท้อนความต้องการเดินทางที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ชีวิต
3. เที่ยวแบบมีจุดหมาย – “Purposeful Travel” มาแรง
MOVE ยังพบว่านักเดินทางยุคใหม่ไม่ใช่แค่ “เที่ยวให้ครบ” แต่เริ่มมองหาประสบการณ์ที่มีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ท่องเที่ยวเชิงสิ่งแวดล้อม หรือการพักผ่อนจิตใจผ่าน Retreat ต่าง ๆ
Staycation – Mini Trip – 2 วัน 1 คืน = ความสุขใหม่ของคนเมือง
ในกลุ่มคนทำงานประจำ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เทรนด์ Staycation และ Mini Trips กลายเป็น New Normal อย่างชัดเจน การจองโรงแรมเพื่อพักระยะสั้นในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นถึง 15.9% โดยปลายทางยอดนิยม ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ อุดรธานี และเชียงราย ซึ่งมีสนามบินขนาดเล็กและเดินทางสะดวก
รูปแบบการเดินทางแบบ “2 วัน 1 คืน” ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่า “การเดินทาง” ไม่จำเป็นต้องรอวันหยุดยาวอีกต่อไป
International Travel ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง – คนรุ่นใหม่เป็นพลังหลัก
แม้จะยังไม่กลับไปจุดพีกก่อนโควิด แต่การเดินทางระหว่างประเทศก็คิดเป็น 20.11% ของยอดจอง โดยกลุ่มอายุ 25–39 ปี เป็นพลังขับเคลื่อนหลักที่จองมากที่สุด
ประเทศยอดนิยม ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยเน้นเมืองที่ “เดินทางง่าย คุ้มค่า และประสบการณ์ดี” เช่น โตเกียว โฮจิมินห์ และกัวลาลัมเปอร์
อินบาวด์จากภูมิภาคโต – นักท่องเที่ยวคุณภาพสนใจ “ประสบการณ์” มากกว่าราคา
ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางระยะใกล้ยอดนิยมในภูมิภาค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน ขณะที่นักเดินทางจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มักวางแผนล่วงหน้า 1–2 เดือน และเลือกพักในโรงแรม 4–5 ดาว แม้จะอยู่เพียง 1–2 คืน
นี่สะท้อนการเติบโตของกลุ่ม “คุณภาพสูง” ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าการประหยัดราคา
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของคนไทย – คุ้มค่าคือคีย์เวิร์ด
คนไทยเองก็มีแนวโน้มใช้จ่ายอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น:
– ตั๋วเครื่องบินในประเทศเฉลี่ย: 2,523.48 บาท
– ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศเฉลี่ย: 4,130.58 บาท
– ค่าที่พักเฉลี่ยในประเทศ: 3,864.41 บาท
– ค่าที่พักเฉลี่ยต่างประเทศ: 3,409.66 บาท
โรงแรมที่จองมากที่สุดคือระดับ 4 ดาว (36.7%) รองลงมาคือ 3 ดาว (29.9%) และ 5 ดาว (15.4%) แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมองหา “ความคุ้มค่า” มากกว่าราคาถูกที่สุด
MOVE = เพื่อนร่วมทางที่ครบจบในแอปเดียว
ด้วยฟีเจอร์ที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง MOVE วางตัวเองเป็น All-in-one Booking Solution ที่ไม่ใช่แค่ให้จอง แต่ยังอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง ทั้ง EasyCancel, ValuePack, ระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงบริการผ่อนชำระ 0% และที่สำคัญ MOVE ยังมุ่งใช้เทคโนโลยีและข้อมูลในการสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีความหมายยิ่งขึ้น
บทสรุป: เทรนด์ที่ไม่ควรมองข้าม – พร้อมเครื่องมือที่ใช่
ข้อมูลจาก MOVE เป็น Insight ของนักเดินทาง แต่เป็น “เข็มทิศ” ที่ชี้ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปีหน้า ทั้งในเชิงกลยุทธ์ การออกแบบสินค้า และการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาด ผู้ประกอบการ หรือแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์การเดินทาง ปี 2568 คือช่วงเวลาที่ต้อง เข้าใจนักเดินทางให้ลึกขึ้น และออกแบบบริการให้ยืดหยุ่น คุ้มค่า และมีความหมายยิ่งกว่าเดิม