[ข่าวประชาสัมพันธ์]

แม้ “ฮาโลวีน” จะเป็นเพียงหนึ่งวันในปฏิทินโลก แต่สำหรับสายมาร์เก็ตติ้ง มันคือ ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ขับเคลื่อน Engagement ได้มหาศาล เพราะเทศกาลนี้เชื่อมโยงกับ “อารมณ์ร่วม” (Emotional Connection) มากกว่าความเชื่อ — ทุกคนอยากมีส่วนร่วม อยากแต่งตัว อยากแชร์ และอยากไปอยู่ในพื้นที่ที่ให้ความรู้สึก “สนุกแบบหลอนๆ”
จุดน่าสนใจคือ ปี 2025 นี้ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ มองเห็นศักยภาพของเทศกาลนี้ในเชิง “Cultural Marketing” มากกว่าการจัดอีเวนต์เชิงประสบการณ์ทั่วไป ภายใต้แคมเปญ “Halloween 2025 at The Mall Lifestore” ที่จัดยาวข้ามสัปดาห์ (24 ต.ค.–9 พ.ย. 2568) ครอบคลุมทุกสาขา พร้อมคอนเซ็ปต์ “หลอนทั่วเมือง ครบทุกอารมณ์” ตั้งแต่ความสยองใน “บ้านผีป่าช้าแตก” ไปจนถึงความคิ้วท์ของ “DOGCULA Family” ทั้งหมดคือ “Touchpoint” ที่ออกแบบเพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย มีบทบาทร่วมในเทศกาลเดียวกัน
เทศกาลวันเดียว แต่สร้างพลังร่วมทางวัฒนธรรมและการตลาด

ในยุคที่แบรนด์ต้องแย่ง “เวลา” และ “ความสนใจ” จากผู้บริโภค เทศกาลฮาโลวีนจึงเป็นมากกว่าเทศกาลแต่งผี เพราะมันคือ เครื่องมือสร้างพื้นที่การแสดงตัวตน (Identity Space) ของผู้คน ทั้งในโลกจริงและออนไลน์สิ่งที่เดอะมอลล์ทำได้ชัด คือการต่อยอดเทศกาลนี้ให้กลายเป็น “พื้นที่ของครีเอทีฟคอนเทนต์” จากกิจกรรมประกวดแต่งคอสเพลย์ผี, การเต้น Spooky Cover Dance, จนถึงกิจกรรมสำหรับเด็กและสัตว์เลี้ยง ซึ่งทั้งหมดออกแบบให้ “แชร์ได้” และ “แท็กได้” ในมุมของแบรนด์ มันคือการ “ต่ออายุวันเดียวให้เป็น 17 วันแห่งคอนเทนต์เพราะทุกโซนในศูนย์ฯ กลายเป็นจุดสร้าง Engagement ที่คนอยากมาถ่ายรูป อยากแชร์ และอยากพูดถึง ซึ่งตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้เทศกาลเป็นเครื่องมือ “บอกตัวตน” มากกว่าแค่ร่วมสนุก การจับมือกับพันธมิตร: สร้างความหลอนแบบ “มีเครดิต” และ “มีคอนเทนต์”
อีกจุดแข็งของปีนี้ คือการร่วมมือกับพันธมิตรที่มี “ตัวตนในวัฒนธรรมความหลอน” อย่าง The Ghost Radio และทีมโปรดักชัน พันทางอาร์ตเวิร์ค ที่รู้จักดีในกลุ่มคนฟังเรื่องผีและคอคอนเทนต์สยองขวัญ การเลือกพาร์ตเนอร์แบบนี้ไม่ได้แค่ “เติมธีม” ให้สมจริง แต่คือการยกระดับเทศกาลนี้ให้มี Authenticity และ “วัฒนธรรมร่วม” กับแฟนฐานจริงของเรื่องหลอน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี Passion และสร้าง Engagement ได้สูงมากในโซเชียล กล่าวได้ว่า เดอะมอลล์ไม่ได้เพียง “จัดอีเวนต์หลอน” แต่กำลัง “เชื่อมสองโลก” คือโลกรีเทล (Physical Experience) กับโลกคอนเทนต์ (Emotional Engagement) ทำให้พื้นที่ศูนย์การค้ากลายเป็น “Pop Culture Playground” ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและแบรนด์พาร์ตเนอร์
จากเทศกาลสู่แพลตฟอร์มความสุข: หลอน สนุก และครีเอทีฟในทุกสาขา

“หลอนทั่วเมือง ครบทุกอารมณ์” ไม่ได้เป็นแค่สโลแกน แต่คือกลยุทธ์การกระจายอารมณ์ของผู้บริโภคในแต่ละโลเคชัน เช่น “THE GHOST HALLOWEEN #2 : ป่าช้าแตก” ที่ MCC HALL บางแค, “HAUNTED HOSPITAL” ที่บางกะปิ, “DOGCULA Family” ที่ท่าพระ, “JOSEON NIGHTMARES” ที่งามวงศ์วาน และกิจกรรม Kids Showcase ที่โคราช ทุกกิจกรรมล้วนออกแบบให้มี Emotional Entry Point ต่างกัน จากความสยองถึงความคิ้วท์ โดยทั้งหมดสะท้อนแนวทางของเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ในการเป็น “Lifestyle Destination” ที่เข้าใจคนทุกกลุ่ม
ฮาโลวีนนี้ ไม่ใช่แค่ “เทศกาลผี” แต่คือ “Case Study ของการตลาดเชิงอารมณ์”

“Halloween 2025 at The Mall Lifestore” จึงเป็นมากกว่างานเทศกาล แต่นี่คือกรณีศึกษาการสร้างพลังการตลาดจากอีเวนต์ที่มีอายุเพียงวันเดียว ให้กลายเป็น “คอนเทนต์ทางวัฒนธรรม” ที่มีชีวิตอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม
ผู้สนใจต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดหลอนในแบบที่เลือกได้เอง เตรียมแต่งผี แล้วไป “หลอนทั่วเมือง” ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2568 ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ โคราช
[ข่าวประชาสัมพันธ์]
