Google เปิดตัว Pomelli แอป AI การตลาด ช่วยทำคอนเทนต์ สร้าง Artwork แบบตรง CI แบบง่ายๆ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

สำหรับคนทำธุรกิจ SME หรือนักการตลาดที่ดูแลหลายแบรนด์ หนึ่งในความท้าทายที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง “Brand Consistency” หรือการคุมโทนแบรนด์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบรูปภาพ การเขียนแคปชัน หรือการใช้สีและฟอนต์ ที่ทุกอย่างต้องเป๊ะตาม CI (Corporate Identity) สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลในการทำ บางแบรนด์เลือกที่จะลงทุนจ้างเอเจนซี่ใหญ่ๆมาช่วย

แต่ในความเป็นจริง หลายๆแบรนด์รวมไปถึงธุรกิจระดับ SME อาจจะสู้ราคาไม่ไหว หรือการทำเองทุกอย่างก็ใช้เวลาและแรงงานมากมายเกินไปจนอาจไม่คุ้มที่จะโฟกัสกับงานด้านนี้มากกว่าการทำการตลาดด้านอื่นที่ส่งผลต่อยอดขายโดยตรง

ล่าสุดมีเครื่องมือใหม่ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้วโดย เพราะตอนนี้Google Labs จับมือกับ Google DeepMind ทีมที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา AI อย่าง Gemini เปิดตัวเครื่องมือทดลองใหม่ในชื่อ “Pomelli” ขึ้นมา

Pomelli แตกต่างจาก AI ทั่วๆไปที่เราใช้ๆกัน เพราะ Google ออกแบบออกมาเพื่อให้เป็น “ผู้ช่วยการตลาด” ที่จะช่วยธุรกิจ SME สร้างแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เนื้อหาทุกอย่างตรงกับ CI ของแบรนด์ และนำไปใช้งานในด้านต่างๆได้จริงๆ

Pomelli ใช้แบ่งการทำงานเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ ตามนี้

1.สร้าง “Business DNA”

ปกติเวลาเราใช้งาน AI ทั่วไปเราอาจต้องป้อน prompt รวมถึงข้อมูลต่างๆเข้าไปเพื่อให้ AI เข้าใจธุรกิจ รูปแบบอัตลักษณ์ต่างๆของเราเข้าไปให้ AI เรียนรู้ แต่แทนที่เราจะต้องคอยป้อน Prompt ยาวเหยียดอธิบาย CI ของแบรนด์ แต่ Pomelli ใช้วิธีที่ง่ายกว่านั้น คือ “แค่โยน URL หรือ ลิงก์เว็บไซต์ ของเราให้มันไปเรียนรู้ แค่นั้นเลย

Pomelli จะวิ่งเข้าไป “สแกน” และ “อ่าน” ทั้งเว็บไซต์ของเรา เพื่อทำความเข้าใจเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ หรือที่ Google เรียกว่า “Business DNA” อย่างละเอียด

สิ่งที่ Pomelli เรียนรู้คือ

  • Tone of Voice หรือ Mood & Tone ของแบรนด์เราว่าแบรนด์เราพูดจาแบบไหน? เป็นทางการ, สนุกสนาน, อบอุ่น หรือดูเชี่ยวชาญ?
  • Color Palette ชุดสีหลัก-สีรอง ที่แบรนด์เราใช้คือสีอะไร
  • Fonts เราใช้ฟอนต์อะไรในการสื่อสาร ให้เหมาะกับบุคลิกแบรนด์
  • Images: สไตล์ภาพถ่ายหรือกราฟิกที่เราใช้เป็นแบบไหน

เมื่อ Pomelli ได้ Brand DNA มาแล้วก็จะใช้ข้อมูลนี้เป็นแกนหลักในการออกแบบแคมเปญและชิ้นงานอื่นๆ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำร้านกาแฟสไตล์มินิมอล เว็บไซต์ของเราเต็มไปด้วยสีขาว ครีม น้ำตาล ใช้ฟอนต์เรียบๆ และภาพถ่ายคลีนๆ Pomelli ก็จะบันทึก DNA นี้ไว้สำหรับนำไปใช้งานต่อไป

2. ช่วยคิดไอเดีย Content Marketing

หลังจากที่ AI เข้าใจ DNA ของเราแล้ว หลังจากนี้ Pomelli จะสามารถเป็นผู้ช่วย “สร้างไอเดียแคมเปญ” หรือไอเดียคอนเทนต์ ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของเราโดยเฉพาะ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราคือร้านกาแฟมินิมอล ไอเดียที่ Pomelli เสนอ ก็อาจจะเป็น “แคมเปญชวนถ่ายรูปมุมกาแฟในร้าน” หรือ “แคมเปญแนะนำเมล็ดกาแฟ Specialty ตัวใหม่” ที่เน้นความเรียบง่ายและคุณภาพของกาแฟ ไม่ใช่ ไอเดียแคมเปญแบบลดแลกแจกแถม ซึ่งก็แน่นอนว่า ถ้าเรามีไอเดียในใจอยู่แล้ว ก็สามารถพิมพ์ Prompt สั่งการได้เองเช่นกัน

3. สร้าง Artwork พร้อมเครื่องมือปรับแต่งในตัว

นอกจากคิดไอเดียแล้ว Pomelli ยังผลิตผลงานออกมาให้เราได้ด้วย โดย Pomelli สามารถสร้างชุดชิ้นงานการตลาด (Assets) หรือ Artwork คุณภาพสูง ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับคอนเทนต์นั้นๆ เพื่อให้เรานำไปใช้โปรโมตลงโซเชียลมีเดียหรือช่องทางต่างๆได้ทันที

ความพิเศษคือภาพที่ Pomelli สร้างให้ จะไม่ใช่ภาพทั่วไป แต่จะเป็นภาพที่ใช้ “ชุดสี” ของแบรนด์เรา, ใช้ “ฟอนต์” ของแบรนด์เรา, และเขียนแคปชันด้วย Tone of Voice แบบเดียวกับที่แบรนด์เราเป็นเป๊ะๆ

และที่น่าสนใจกว่านั้น Pomelli มี “เครื่องมือปรับแต่ง” ในตัว ให้เราแก้ไขชิ้นงานนั้นได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น

  • ปรับเปลี่ยนรูปภาพ ปรับเปลี่ยนพื้นหลังได้ตามสั่ง
  • แก้ไขข้อความ, สีฟอนต์, ขนาด, ไปจนถึงระยะห่างระหว่างบรรทัด
  • ปรับแต่งปุ่ม Call to Action (CTA)
  • เปลี่ยนหรือเพิ่มโลโก้ของแบรนด์

Pomelli แก้ปัญหาอะไรให้นักการตลาด?

หัวใจสำคัญของ Pomelli คือการแก้ปัญหา “ความเพี้ยน” ของแบรนด์ (Brand Inconsistency) โดยเฉพาะสำหรับ SME ที่อาจไม่มี Brand Guideline ชัดเจน หรือไม่มีทีมดีไซเนอร์ประจำ

และแทนที่จะต้องมานั่งบรีฟ AI ทุกครั้งว่า “ช่วยทำภาพโทนสีเอิร์ธโทน ฟอนต์สบายตา” ทุกๆครั้ง แต่ด้วย Pomelli เราแค่โยนเว็บให้มันครั้งเดียว ที่เหลือระบบจะช่วยคุมโทนให้เราเองในการทำงานครั้งต่อๆ ไป

แน่นอนว่านี่เป็นโปรเจกต์ทดลอง (Experiment) ที่ยังอยู่ในช่วง Beta และในตอนเปิดตัวเว็บที่ใช้งาน https://labs.google.com/pomelli/about/ ก็ยังจำกัดการใช้งานเฉพาะใน สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น นั่นหมายความว่า ผู้ใช้งานในประเทศไทย ก็ต้องรออัปเดตกันในอนาคต


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE