ถ้าโลกไม่แตก จะมีเหตุผลอะไร ที่ไม่ดูแลบ้าน? สรุปแก่นแคมเปญ TOA “No More Excuse” ทุกบ้านควรได้รับการดูแลแบบไม่มีข้ออ้าง!

  • 29
  •  
  •  
  •  
  •  

 

คนไทยมีเหตุผลนับไม่ถ้วนในการเลื่อนงานสร้าง-ซ่อมบ้าน ทั้งที่รู้ดีว่าผนังบ้านกำลังทรุดโทรม สีกำลังลอก หลังคากำลังผุกร่อน และอาจทำให้ปัญหาแย่ลงไปอีกในทุกวันที่ผ่านไป

TOA ผู้นำตลาดสีอันดับ 1 ของประเทศไทย เข้าใจดีว่าข้ออ้างเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความเกียจคร้าน แต่มาจากความกลัว ความไม่มั่นใจ และความไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

ด้วยเหตุนี้ TOA จึงเปิดตัวแคมเปญ “No More Excuse” แคมเปญที่ไม่ได้แค่ขายสี แต่เปลี่ยนวิธีคิดของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้ใครมีข้ออ้างใด ที่จะหยุดบ้านให้สวยได้อีกต่อไป

TOA ตัดสินใจพาทุกคนมาเผชิญหน้ากับข้ออ้างทุกข้อ ด้วยคุณสมบัติที่ TOA ไม่เคยหยุดยั้งในการสร้างนวัตกรรมที่ดีที่สุดเพื่อบ้าน ทั้ง 4 Seasons 2in1 สีทับหน้ารวมรองพื้นที่ทนทุกสภาพอากาศเมืองร้อน กันเชื้อรา ลดความร้อน, PRO Expert สีน้ำอะคริลิกคุณภาพสูงที่กลบมิดดี ป้องกันตะไคร่น้ำและแบคทีเรีย สำหรับผนังภายนอกและภายใน และ Roofseal โพลียูรีเทนไฮบริด ในงานเฉพาะทางอย่างดาดฟ้าและหลังคา ที่กันซึมแบบไร้รอยต่อ ทนน้ำขังได้มากกว่า 70 วัน กันน้ำเข้า 100%

สำหรับใครที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด Aqua Shield สูตรน้ำไร้กลิ่นฉุนใช้ได้หลากหลายพื้นผิว ตั้งแต่เหล็ก ไม้ คอนกรีต ไปจนถึง PVC และกระจก ปลอดภัยต่อทุกชีวิตในบ้าน หรือหากต้องการสีเคลือบเงางามสำหรับเหล็กและไม้ Glipton พร้อมรองพื้นกันสนิมในหนึ่งเดียว ทนแดด-ฝน-ขูดขีด ขณะที่ Polyurethane 1K Ultimate ไม่ต้องผสมทินเนอร์ ฟิล์มหนา ยืดหยุ่น เหมาะกับไม้ภายนอก-พื้น-เฟอร์นิเจอร์ สำหรับงานโลหะ MD 2IN1 RUST TECH แห้งเร็ว ใช้ได้ทุกพื้นผิวเหล็ก และสุดท้าย Shark ซีเมนต์มอร์ตาร์ 2อิน1 สำหรับก่ออิฐมวลเบาและปูกระเบื้อง เนื้อหนึบ ยึดเกาะดี ครบจบในถุงเดียว

เรียกว่าทุกผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาเพื่อตัดขั้นตอนที่ซับซ้อน ประหยัดเวลา ประหยัดค่าแรง แต่ได้คุณภาพเต็มที่

 

ทั้งกล้า ทั้งคมคาย

 

แคมเปญนี้มีชื่อว่า TOA “No More Excuse” ที่มาที่ไปของแคมเปญคืออินไซต์เรื่องกำแพงของคำว่า “ไว้ก่อน” เนื่องจากกว่า 60 ปีที่ TOA อยู่กับคนไทย แบรนด์มองเห็นความจริงที่ว่าเจ้าของบ้านล้วนอยากให้บ้านดีขึ้น แต่สุดท้ายก็มักมีข้ออ้างให้ตัวเองอยู่เสมอ ข้ออ้างเหล่านี้เองที่ทำให้ “บ้าน” ซึ่งควรเป็นพื้นที่แห่งความสุข กลายเป็นสิ่งที่ถูกปล่อยปละละเลยโดยไม่รู้ตัว

ข้ออ้างยอดฮิตที่หลายคนคุ้นเคยกันดีก็คือ “แค่นี้ก็โอแล้ว”, “บ้านเก่าแล้วจะซ่อมทำไม”, “ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยทำ”, หรือแม้แต่ “ให้ช่างจัดให้ละกัน” และ “ใช้ของเดิมที่เคยใช้แล้วกัน”

TOA มองว่าข้ออ้างนี่เองคือกำแพงที่ขวางกั้นไม่ให้เจ้าของบ้านลงมือซ่อมหรือสร้างบ้านอย่างตั้งใจสักที ดังนั้น แคมเปญนี้จึงไม่พูดถึงสินค้าโดยตรง แต่หวังกระตุกความคิดของคนไทยให้กลับมาดูแลบ้านอย่างตั้งใจ ผ่านคอนเซ็ปต์ที่เลือกมาใช้อย่างกล้าหาญ ด้วยการเล่นกับ “วันสิ้นโลก” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “โลกไม่แตก…” ซึ่งใช้โทนเสียดสีและผสมอารมณ์ขันเข้าไป

 

 

ภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญนี้มาครบทั้งอุกกาบาตตกกลางกรุงเทพฯ ยานอวกาศบุกเมือง และผู้คนหนีตายอลหม่าน แต่ท่ามกลางหายนะนี้ แคมเปญกลับตั้งคำถามที่แทงใจว่า “แล้วถ้าโลกไม่แตก…เราจะยังมีข้ออ้างอะไรที่จะไม่ดูแลบ้านให้ดีที่สุด?”

นี่คือการใช้เรื่องเหนือจริง (วันสิ้นโลก) มาเป็นอุปมาแทนข้ออ้างในชีวิตจริงที่คนเรามักใช้เลี่ยงการลงมือ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ความจริงคือ บ้านไม่จำเป็นต้องพัง เราถึงจะซ่อม นี่จึงเป็นความเฉียบคมในการเชื่อมโยงอารมณ์กับเหตุผลที่มีพลังดี

แคมเปญ “No More Excuse” ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในหนัง แต่ถูกต่อยอดสู่ทุกสื่อของแบรนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Corporate Branding ในยุคปัจจุบัน โดยมีจะคอนเทนต์เวอร์ชันอื่นที่สร้างขึ้นเพื่อเล่นกับข้ออ้างยอดฮิตอื่นๆ ของคนไทย เช่น “เสียดายตังค์ ไว้ก่อนละกัน” หรือ “เลือกไม่ถูก เอาง่ายๆ ก็พอ” ผ่านน้ำเสียงที่เรียบแต่แรง เหมือนเสียงของเพื่อนที่เข้าใจ และพร้อมสะกิดให้ผู้ชมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรากำลังเป็นคนแบบในแคมเปญนี้อยู่หรือเปล่า?”

 

จุดประกายเจ้าของบ้านทั่วไทย

 

สิ่งที่มองเห็นได้ชัดในแคมเปญนี้คือการยืนยันบทบาทของแบรนด์ TOA ที่วาง “No More Excuse” ให้เป็นแคมเปญโฆษณาซึ่งจุดประกายทางความคิด ชวนให้เจ้าของบ้านทั่วประเทศเริ่มต้นลงมือดูแลบ้านของตัวเองอย่างจริงจัง 

แคมเปญนี้ยังสะท้อนว่านวัตกรรมของ TOA ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์ (เช่น TOA 4 Seasons, Roofseal, Glipton, หรือ Shark) เท่านั้นแต่หมายถึง ความตั้งใจของแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในบ้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท้าทายทุกคนที่เคยพูดคำว่า “ไว้ก่อน” มาก่อน

 

 

แคมเปญ TOA “No More Excuse” จึงเป็นงานที่สมควรได้รับคำชื่นชมอย่างยิ่งในฐานะ Corporate Branding ซึ่งโดดเด่นสุดๆในช่วงปิดปี 2568”


  • 29
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE