
ChatGPT ของ OpenAI เร่งเครื่องบ้างหลังจาก Gemini ปล่อยฟีเจอร์ที่กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ไปหลายตัว โดยล่าสุด ChatGPT ลุยตลาด E-commerce เต็มตัวด้วยฟีเจอร์ “Shopping Research” ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้เราซื้อของออนไลน์ง่ายขึ้น นับเป็นฟีเจอร์ใหม่ต้อนรับเทศกาลช้อปปิ้งปลายปี พร้อมกับเปิดให้ทุกแพคเกจใช้ฟรีไปเลยในช่วงนี้
Shopping Research คืออะไร?

ปกติเวลาเราจะซื้อของสักชิ้น เราก็ต้องเปิด Browser ค้างไว้เป็นสิบแท็บ ไล่อ่านรีวิว เปรียบเทียบสเปก และเช็คราคาจากหลายเว็บ แต่ Shopping Research ของ ChatGPT เข้ามาแก้ Pain Point ตรงนี้
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เหมือน “Personal Shopper” แค่ให้เราพิมพ์บอกความต้องการลงไป เช่น “หาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่เสียงเบาที่สุดสำหรับคอนโดห้องเล็ก” หรือ “ช่วยเลือกจักรยาน 3 รุ่นนี้ให้หน่อย”
วิธีใช้งาน Shopping Research
สำหรับใครที่อยากลองเล่นแล้ว ขั้นตอนการใช้งานก็ง่ายมากนั่นก็คือ

-
- พิมพ์คำถามซื้อของลงไปตรงๆ แล้ว ChatGPT จะแนะนำให้เข้าสู่โหมด Shopping Research โดยอัตโนมัติ หรือกดที่ปุ่มเครื่องหมายบวก (+) ในช่องแชท แล้วเลือกเมนู Shopping research ก็ได้
- ระบบจะแสดงหน้าตา Visual Interface ขึ้นมา เราสามารถแชทบอกความต้องการเพิ่มเติมรวมถึงถามคำถามความต้องการเราเพิ่มเติม
- เมื่อ AI เสนอสินค้ามา เราสามารถกดปุ่ม “Not interested” (ไม่สนใจ) หรือ “More like this” (ขอแบบนี้อีก) เพื่อเทรนให้ AI รู้ใจเราหน้างานเดี๋ยวนั้นเลย
- รอสักครู่ เราจะได้ Buyer’s Guide สรุปข้อมูลเปรียบเทียบ พร้อมลิงก์ร้านค้าให้กดไปซื้อได้ทันที

ขุมพลัง GPT-5 mini และความจำที่แม่นยำ
สิ่งที่ทำให้ฟีเจอร์นี้เก่งมากๆก็คือเทคโนโลยีเบื้องหลังนั่นก็คือโมเดล GPT-5 mini ที่ถูกเทรนมาโดยเฉพาะด้วย Reinforcement Learning สำหรับงานช้อปปิ้ง ทำให้มีความแม่นยำในการดึงข้อมูลสินค้า (Product Accuracy) สูงถึง 52% ซึ่งเหนือกว่าโมเดลทั่วไป
นอกจากนี้ มันยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Memory ของ ChatGPT เช่นถ้าระบบจำได้ว่าเราชอบเล่นเกม เวลาเราบอกให้หาแล็ปท็อปใหม่ มันจะรู้ทันทีว่าต้องมองหาสเปกที่รองรับการเล่นเกมด้วย โดยที่เราไม่ต้องบอกซ้ำ
กลยุทธ์ SEO ไม่พออีกต่อไป

การมาของ Shopping Research ในอีกมุมก็เป็นสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์ด้วยเช่นกันเพราะ ผู้บริโภคอาจเข้า Google หรือ Marketplace น้อยลง แต่จะถาม AI ให้ “เลือกให้” มากขึ้น ดังนั้นการทำ SEO แบบเดิมอาจไม่พอ แต่ต้องทำให้ข้อมูลสินค้าของเรา “ถูก AI มองเห็น” และ “ได้รับความน่าเชื่อถือ”
นอกจากนี้ OpenAI ระบุชัดเจนว่าระบบจะเลือกข้อมูลจาก “Trusted Sites” และหลีกเลี่ยงเว็บสแปม ดังนั้นแบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อมูลบนหน้าเว็บ Official และรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือให้มากเข้าไว้
ที่สำคัญ OpenAI ยืนยันว่าข้อมูลแชท “จะไม่ถูกแชร์ให้กับร้านค้า” ซึ่งเป็นจุดขายเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ แบรนด์จึงไม่สามารถยิง Ads เข้าไปดื้อๆ ได้ ดังนั้นเราก็ต้องต้องชนะด้วยคุณภาพสินค้าที่ AI ยอมรับเท่านั้น
ใครได้ใช้บ้าง?
ข่าวดีสำหรับขาช้อปคือ OpenAI เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ทั้งบน Mobile และ Web สำหรับผู้ใช้แบบ Free, Go, Plus และ Pro (ที่ล็อกอิน) โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะ เปิดให้ใช้งานได้เกือบไม่จำกัด (Unlimited usage) สำหรับทุกแพ็กเกจ
ที่มา: OpenAI, CNBC, Business Standard
