ในยุคที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกลายเป็นสนามแข่งขันทางการตลาดที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ การสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่นและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง TikTok ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปัจจุบัน ได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับครีเอเตอร์และแบรนด์นับไม่ถ้วน ล่าสุด TikTok ยังจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองและเชิดชูกลุ่มคนผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ดีๆ ให้เกิดขึ้นบนโลก ได้แก่งาน TikTok Awards Thailand โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว
สำหรับปีนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ผู้ชนะรางวัล ได้แก่ คุณไบร์ท ไร้ไขมัน (@brightekkarat) ผู้ชนะรางวัล Storyteller of the Year และ คุณเคน หรือเชฟเคน Ken Paratt Ken (@paratt_) ผู้ชนะรางวัล Food Creator of the Year และต้องบอกว่าในยุคที่คอนเทนต์ท่วมท้นมหาศาล ทั้งสองคนสามารถเอาชนะใจชาวเน็ตได้อย่างไร และมากไปกว่านั้นสามารถเอาชนะปริมาณคอนเทนต์อันมหาศาลได้อย่างไร เรามาล้วงเคล็ดลับของพวกเขากัน
‘ไบร์ท ไร้ไขมัน’ นักเล่าเรื่องจอมเสียดสี ผู้ชนะรางวัล Storyteller of the Year
การเริ่มต้นและวิวัฒนาการของคอนเทนต์ จากการเลียนแบบสู่การสร้างสรรค์
“ไบร์ท ไร้ไขมัน” เป็นหนึ่งใน TikToker ชื่อดังที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ด้วยคอนเทนต์สั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนได้รับการยอมรับในวงการ เส้นทางของเขาบน TikTok เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายเช่นเดียวกับครีเอเตอร์หน้าใหม่จำนวนมาก ด้วยการสร้างคลิปตลกสั้นๆ ร่วมกับแฟน และการนำเสนอมุกตลกจากต่างประเทศที่แปลและดัดแปลงให้เข้ากับบริบทไทย แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ Content Localization ที่หลายแบรนด์นำมาใช้ในการเข้าสู่ตลาดใหม่ คือการนำเทรนด์หรือคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดอื่นมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดตามเริ่มเพิ่มมากขึ้น ไบร์ทได้ตัดสินใจยกระดับเกมของตัวเองด้วยการนำความถนัดในการ “เขียนบท” มาประยุกต์ใช้ นี่คือการเปลี่ยนจาก “ผู้ดัดแปลงคอนเทนต์” ไปสู่ “ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ดั้งเดิม” (Original Content Creator) ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างที่สำคัญในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
“ผมพัฒนาการคอนเทนต์ที่เน้นไปที่การเล่าเรื่องคนเดียว จนกลายเป็น จักรวาลเล็กๆ ที่มีตัวละครหลากหลายคาแรกเตอร์ แต่ทั้งหมดแสดงโดยคนเดียวกัน แล้วก็เพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ โดยไม่สูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ ผมสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างคอนเทนต์ ที่ทำให้ผู้ชมติดตามต่อเนื่อง แล้วก็ไปขยายฐานผู้ชม เนื่องจากคาแรกเตอร์แต่ละตัวอาจดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน”
จุดเด่นการสร้างความแตกต่างผ่านคาแรกเตอร์และบทที่เป็นเอกลักษณ์
ไบร์ท บอกกับเราว่า จุดแข็งหลักที่ทำให้ได้รับการยอมรับคือ “ผมว่าเพราะผมมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและไม่เหมือนใคร รวมกับบทหรือการสร้างสรรค์สคริปต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาตัว ค่อนเข้างเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมันคือจุดที่แข็งแกร่งของช่ององผม”
อีกสิ่งที่คิดว่า ทำให้ผู้ติดตามชื่นชอบก็คือ ไบร์ทมักใช้คำพูดหรือการเสียดสีที่พยายามดึงสิ่งรอบตัวมาให้คนดูรู้สึกร่วม (Relate) ได้มากที่สุด นี่คือการใช้ Emotional Marketing ที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากการสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้ชมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์ไวรัลได้อย่างรวดเร็ว
อีกสิ่งที่เชื่อว่าทำให้หลายคนชอบในคอนเทนต์ของ “ไบรท์” และทำให้เขาได้รับรางวัล Storyteller of the Year ก็คือ กระบวนการสร้างคอนเทนต์ของไบร์ทเริ่มต้นจาก การ ‘เขียนสคริปต์’ อย่างเป็นระบบ คล้ายกับการเขียนบทภาพยนตร์ แต่ปรับให้เหมาะสมกับรูปแบบและข้อจำกัดของ TikTok วิธีการนี้สะท้อนความเป็นมืออาชีพและการวางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งตรงข้ามกับการสร้างคอนเทนต์แบบ Spontaneous ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นธรรมชาติของโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ตาม การเขียนบทสำหรับ Short-Form Content มีความท้าทายเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดด้านเวลา ต้องสื่อสารเรื่องราวที่สมบูรณ์ภายในเวลาสั้นมาก (โดยทั่วไป 15-60 วินาที) การจับความสนใจในวินาทีแรก ผู้ชมตัดสินใจภายใน 3 วินาทีแรกว่าจะดูต่อหรือเลื่อนผ่าน และต้องมีความง่ายในการเข้าใจ ต้องสื่อสารให้ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายมากเกินไป ซึ่งจุดนี้เองที่ไบรท์บอกว่า ค่อนข้างยากและท้าทายพอสมควรทีเดียว
โดยวิธีในการคิดและสร้างสรรค์คอนเทนต์นั้น ไบร์ทเล่าว่า ส่วนใหญ่มากจาก เรื่องราวทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ประสบพบเจอ เช่น สถานการณ์ในลิฟต์ หรือปัญหาการจราจรในพื้นที่เฉพาะ “ผมพยายามค้นหาจุดร่วม หาประสบการณ์ที่คนส่วนใหญ่มีร่วมกัน แล้วก็นำเสนอจุดที่ยังไม่มีใครนำเสนอหรือเป็นมุมใหม่ในการนำเสนอ แล้วเล่นออกมาในแบบตัวของตัวเองคือแบบกวนๆ เสียดสีๆ ซึ่งทำให้คนดูชอบ สนุกไม่น่าเบื่อแตกต่างจากการนำเสนอเรื่องราวแบบเดิมๆ”
TikTok เป็นตัวเปลี่ยนเกม โอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัล
กับมุมมองที่มีต่อ TikTok แพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสทั้งการสร้างให้มีตัวตน รวมถึงเปิดโอกาสให้เป็นช่องทางในการเปิดรับสปอนเซอร์เพื่อสร้างรายได้ ไบร์ทมองว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ให้โอกาสตั้งแต่จุดเริ่มต้น และมีอิทธิพลอย่างมากในการสร้างงานและอาชีพให้กับครีเอเตอร์ไทย ซึ่งจุดนี้เองก็สอดคล้องกับแนวโน้มของ Creator Economy ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์ตามโจทย์ลูกค้า หรือการติดตะกร้าสินค้าและระบบ E-commerce ที่ผสานเข้ากับคอนเทนต์บน TikTok Shop ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้โดยตรง
จุดนี้เองที่ทำให้ไบร์ททำคอนเทนต์บน TikTok อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างสรรค์คอนเทนต์ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อย่างสนุกสนาน ร่วมคิดและร่วมสร้างทำให้เกิดเป็นคอนเทต์ที่ได้ทั้งงานและได้ทั้งใจผู้ติดตามอีกด้วย และบอกได้เลยว่า เป็นโอกาสในการสร้างอาชีพระยะยาวจากการเป็นครีเอเตอร์ที่สำคัญอย่างมาก
เคล็ดลับการสร้าง สร้าง Branded Content ที่มีประสิทธิภาพ
ไบร์ท บอกถึงการทำงานกับแบรนด์ที่ทำให้มีประสิทธิภาพ ผสมผสานระหว่างการโฆษณาและความบันเทิง โดยเขาให้ความสำคัญกับการ “ขายของ” ของลูกค้าอย่างมาก โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสร้างคอนเทนต์ที่ทำให้คนดู “จนจบคลิป” และ “ลืมไปเลยว่านี่คืองานลูกค้า” นี่คือศิลปะของ Native Advertising ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือการผสมผสานข้อความทางการตลาดเข้ากับคอนเทนต์อย่างลงตัวจนผู้ชมไม่รู้สึกว่ากำลังถูกโฆษณา
“ผมจะให้ความสำคัญกับความบันเทิงเป็นอันดับแรก คอนเทนต์ต้องสนุกและมีคุณค่าต่อผู้ชมก่อน จึงจะเสริมด้วยข้อความของแบรนด์ หลีกเลี่ยงการนำเสนอที่รู้สึกเหมือนโฆษณาชัดเจนเกินไป ไม่อยากฮาร์ดเซลล์ใส่ผู้ชม แต่จะเน้นการสร้างประสบการณ์ที่คนอยากดูและแชร์ ไม่ใช่แค่ต้องการให้ดู ที่สำคัญเลยคือ ต้อง Hook ที่แข็งแกร่งตั้งแต่วินาทีแรก ใช้ภาพ เสียง หรือคำพูดที่ดึงดูดความสนใจทันที แล้วสร้างความอยากรู้ให้ผู้ชมอยากดูต่อ แล้วการผสานตัวโปรดักส์ให้เข้ากับเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมว่า ทำให้บริบทของเนื้อหาเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้ชมด้วย”
ท้ายที่สุด สิ่งที่ไบร์ท ฝากไว้ถึงคอนเทนต์ครีเอเตอร์มือใหม่ หากจะมี Mindset ของผู้ประสบความสำเร็จในวันนี้ “ผมมองว่า แม้ว่าวันนี้ คอนเทนต์ของคุณอาจจะไม่ใช่ในวันนี้ แต่ก็อย่าเพิ่งไปท้อ ลองทำต่อไปเรื่อยๆ บางทีมันก็อาจจะไปถูกใจคนอื่นๆ อีกต่อไปได้ อาจจะมีคนที่ชอบคอนเทนต์ในแบบที่เราทำอยู่ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้แหละที่จะเป็นแฟนๆ ของเรา และเขาจะอยู่กับเราไปตลอด และแม้ว่าวันนี้เราอาจจะยังไม่ถึงเป้าหมายหรือฝัน แต่ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ทุกคอนเทนต์ที่จะไวรัล หรือดังเปรี้ยงได้หมด แค่เราไม่หมดกำลังใจ เรียนรู้ และปรับตัวต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง ต้องไม่ตัดสินใจเรื่องความสำเร็จหรือล้มเหลวจากผลลัพธ์ในระยะสั้นๆ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง แล้วสักวันก็จะมีวันที่เราไปถึงฝันในที่สุด”
‘เคน ปรัตถกร’ เชฟนักสร้างสรรค์กับโลกของอาหาร ผู้ชนะรางวัล Food Creator of the Year
จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้วางแผน แต่แค่คลิปแรกก็ปังแล้ว
เคน ปรัตถกร (@paratt_) หรือ “เชฟเคน” ผู้ที่ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย สนุก เล่าถึงการมาเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพนั้นไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตของเขาตั้งแต่แรก แม้จะจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาการจัดการและการประกอบอาหารจากวิทยาลัยดุสิตธานี และมีประสบการณ์ทำงานในโรงแรมมาก่อน แต่ก็บอกว่าการมาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายฟู้ด ออกจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้แพลนชีวิตไว้แต่แรก
“ช่วงนั้นผมตัดสินใจออกจากงานบริษัท เพื่อมาดูตัวเองว่าสนใจอะไรจริงๆ ขณะที่กำลังหางานใหม่ แฟนผมก็จุดประกายว่า ทำอาหารเป็นอยู่แล้ว เรียนด้านนี้มาอยู่แล้ว ว่างอยู่ก็ลองทำคลิปปล่อยดูสิ‘” เคนเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย
ความสำเร็จที่มาเร็วกว่าคาด จากนั้น เพียงแค่คลิปแรกที่ปล่อยออกไป เขาก็ได้รับการตอบรับที่คาดไม่ถึง มียอดผู้ชมถึง 20,000-30,000 คน ทำให้ เคนรู้สึกตื่นเต้นและตัดสินใจไปต่อ แล้วเพียงแค่ประมาณครึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือน ก็เริ่มมีสปอนเซอร์ติดต่อเข้ามา “ผมให้ระยะเวลาตัวเองว่าลองดู 3 เดือนก่อนว่ายืนระยะได้ไหม แล้วก็ยืนได้ 6 เดือน จนครบ 1 ปี จนผมรู้สึกว่าเราสามารถยึดอาชีพ Content Creator เป็นอาชีพหลักในการหารายได้ได้ เพราะไม่มีรายได้ทางอื่นเลยนอกจากการเป็นครีเอเตอร์”
การวางน้ำหนักระหว่างการสร้างสรรค์งานเอาใจคนดูและถูกใจลูกค้า
เคนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และแม้จะบอกได้ว่ามีประสบการณ์ในการทำ Branded Content ไม่นาน แต่สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์สปอนเซอร์ชิพได้อย่างน่าสนใจ โดยเคนเชื่อว่าการรับงานต้องเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งตัวครีเอเตอร์เอง ผู้ชม และแบรนด์ เขาจะระบุเงื่อนไขการทำงานอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าช่องของเขาเป็นช่องทำอาหาร หากสินค้าใดไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ก็จะต้องมีการหาคอนเซ็ปต์พิเศษเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของช่อง
“ผมจะพูดคุยกับลูกค้าตามตรงว่าช่องเราเป็นแบบนี้ อะไรที่เข้ากันได้ และอะไรที่อาจจะไม่ตรงกับสไตล์ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับผลประโยชน์ที่สมควร” เขาอธิบาย
Win ใจผู้ชม เจาะได้ทั้งกลุ่มเฉพาะและกลุ่มแมส
แน่นอนว่าครีเอเตอร์ที่เป็นสายฟู้ดหรือเน้นการทำอาหารเป็นหลักนั้นมีอยู่มากมายบน TikTok แต่ด้วยความที่สวมมง ผู้ชนะรางวัล Food Creator of the Year จาก TikTok Awards ย่อมต้องมีเคล็ดลับสำคัญ เคนเผยเคล็ดลับส่วนตัวว่า อย่างแรกเลยคือ ต้องรู้จักจุดแข็งของตัวเอง ว่าตัวเองมีอะไรที่เป็นจุดสตรองหรือเราเก่งที่สุด แล้วเราก็โฟกัสไปที่สิ่งนั้น แล้วทำมันอย่างมีความสุข ทุกครั้งที่เราทำแล้วสนุกผู้ชมก็จะรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้ ประการที่ 2 คือ ความต่อเนื่อง จะให้คนเห็นคอนเทนต์เราได้ คุณต้องทำคลิปอย่างต่อเนื่อง และมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยไม่ทำให้คุณไม่หายจากหน้าฟีดของผู้ติดตาม และประการที่ 3 สร้างกิมมิกและตัวตนของตัวเอง แล้วสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) และกลุ่มมวลชน (Mass Market) เช่น การทำอาหารตามการ์ตูนที่ดึงดูดทั้งคนรักการ์ตูนและคนที่สนใจการทำอาหารจริงจัง
“ผู้ติดตามของผม ติดไปแล้วกับคอนเทนต์อาหารที่ว่าช่องนี้ทำเมนูยากจัง” เคนหัวเราะและเล่าถึงความท้าทายที่เขาต้องพบ “ถ้าทำเมนูธรรมดาเกินไป คนอาจจะไม่ดู ผมต้องดึง element หรือคาแรกเตอร์ของอะไรบางอย่างออกมา อาจเป็นอาหารจากการ์ตูน อาหารที่ทำดูง่ายขึ้น หรือเมนูดั้งเดิมที่มีสตอรี่อยู่ในนั้น แต่นั่นแหละครับที่ทำให้คนชอบในตัวคอนเทนต์ของผม”
TikTok แพล็ตฟอร์มแห่งโอกาส ที่เปิดกว้างสำหรับนักสร้างสรรค์
เคนให้เหตุผลว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ดูสนุก รวดเร็ว และเหมาะกับการทำ Short Content โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ TikTok กำลังมาแรง ทำให้เขาตัดสินใจเริ่มต้นที่นี่เป็นแพลตฟอร์มแรก
“TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แต่ถ้ามีของอะไรที่น่าสนใจและเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มันจะวิ่งเลย มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของครีเอเตอร์หลายคน” เขากล่าว
แต่มากไปกว่านั้น TikTok ก็ยังเป็นแพล็ฟตฟอร์มแห่งโอกาสทางธุรกิจด้วย โดย เคนมองว่า TikTok สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม (Economic of Scale) กว่า 90% ของสปอนเซอร์ที่ติดต่อเขามาใช้ TikTok เป็นช่องทางหลัก และแพลตฟอร์มนี้เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น Nano, Micro หรือ Mega Influencer
“มันเป็นช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่าง Agency กับลูกค้า และเป็น Opportunity ที่ใหญ่มากสำหรับคนในทุกวงการและทุกด้าน” เคนวิเคราะห์
เมื่อถูกถามถึงบทบาทของ TikTok ต่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เคนชี้ให้เห็นว่าชอร์ตคอนเทนต์เป็นจุดประกายไฟสำคัญ “Short Content มันเข้าถึงทุกคนได้ในทุกระดับชั้น ทุกอุตสาหกรรม และทุก Demographic การที่คนเราจะสนใจอะไรบางอย่างมันต้องการแค่เสี้ยววินาที ถ้ามันถูกต้อง”
สำหรับรางวัลที่ได้รับ Food Creator of the Year จาก TikTok Awards Thailand ในปีนี้ เคนเล่านาทีประกาศชื่อว่า “มือผมสั่นเลย รู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ เพราะปีที่แล้วผมนั่งดูงานนี้อยู่ และรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ใหญ่มาก” อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าสิ่งที่มอบให้ผู้ชมคือความ Creative “อาหารเป็นมากกว่าแค่วิธีการและสิ่งที่เรารับประทาน มันมีอะไรบางอย่างที่อยู่ระหว่างนั้น อาจเป็นความสนุกของการทำตามการ์ตูน หรือเป็นวัฒนธรรม ผมต้องการให้ผู้ชมรู้สึกว่าการเข้าครัวและการทำอาหารมันสนุก มันไม่ยาก และไม่มีอะไรผิดถ้าคุณไม่ได้ทำตามต้นฉบับ อาหารมันเป็นสิ่งที่ Creative มากๆ เราสามารถเล่นและสนุกไปกับมันได้” เคนกล่าวถึงมุมมองการสร้างสรรค์งาน ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำขอบคุณทุกฝ่าย ตั้งแต่ TikTok, ผู้ติดตาม, ทีมงาน, รุ่นพี่ครีเอเตอร์, Agency และสปอนเซอร์ทุกท่านที่ทำให้เขายืนอยู่บนเส้นทางอาชีพนี้ได้จนถึงวันนี้
นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ระดับรางวัล เคล็ดลับสู่ความสำเร็จบน TikTok
จากการสัมภาษณ์ผู้ชนะรางวัล TikTok Awards Thailand ทั้ง “ไบร์ท ไร้ไขมัน” ผู้คว้ารางวัล Storyteller of the Year และ “เคน ปรัตถกร” ผู้ได้รับรางวัล Food Creator of the Year พบว่า ความสำเร็จของทั้งคู่มาจากการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและความต่อเนื่องในการผลิตผลงาน “ไบร์ท” โดดเด่นด้วยการพัฒนาคาแรกเตอร์หลากหลายที่แสดงโดยคนเดียว พร้อมบทที่เขียนอย่างเป็นระบบและการเสียดสีที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงได้ ขณะที่ “เคน” สร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนออาหารที่มี element พิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากการ์ตูนหรือเมนูยากที่มีเรื่องราว โดยทั้งคู่ต่างมีหลักการเดียวกันคือ การผสมผสานระหว่างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเฉพาะ (Niche) และกลุ่มมวลชน (Mass Market) ให้ลงตัว พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับแบรนด์อย่างโปร่งใสและสร้างสรรค์ โดยไม่ลืมรักษาคุณภาพและความสนุกสนานที่ทำให้ผู้ชมได้รับทั้งความบันเทิงและคุณค่าจากคอนเทนต์ในเวลาเดียวกัน
