Trip.com Group เปิดเผยผลวิเคราะห์เชิงลึก จากงาน Trip.Best Roadshow: Southeast Asia Travel Trends Unpacked ชี้ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยในปี 2568 ซึ่งกำลังส่งสัญญาณถึงโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
โอกาสใหม่ในแดนมังกร – เมืองรองคือดาวเด่น
รายงานของ Trip.Best เน้นย้ำว่าตลาดจีนกำลังทวีความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะกระแสความสนใจใน “เมืองรอง” ของจีนที่พุ่งสูง
- ฉงชิ่ง กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ด้วยยอดเข้าชมบน Best ที่เพิ่มขึ้นถึง 395% และยอดจองที่พุ่งสูงถึง 828% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนความต้องการประสบการณ์ท้องถิ่นที่แตกต่างและอาหารรสจัดที่ถูกปาก
- เซี่ยงไฮ้ ยังคงครองอันดับ 1 ในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยม ด้วยการเติบโต 334% YoY
จุดหมายปลายทางอื่น ๆ ที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ โอซาก้า (132%), โตเกียว (71%), และฮ่องกง (52%)
การเติบโตนี้บ่งชี้ว่า นักท่องเที่ยวไทยกำลังมองหาประสบการณ์อย่างแท้จริง นอกเหนือจากเมืองหลักดั้งเดิม โดยเน้นที่วัฒนธรรม อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์
จาก “ชม” สู่ “ดื่มด่ำ”: พลังแห่งการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์
นายเอ็ดมันด์ ออง ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้จัดการทั่วไป Trip.com ประเทศสิงคโปร์ ชี้ว่านักท่องเที่ยวไทยกำลัง ให้นิยามใหม่สำหรับการท่องเที่ยว จากการเที่ยวชมสถานที่แบบผิวเผิน มาสู่การมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง
- ความต้องการกิจกรรม (Activities) พุ่งสูง การค้นหา “กิจกรรม” เติบโตถึง 808% YoY (Year-over-Year คือ การเติบโตแบบปีต่อปี)
- ธีมการท่องเที่ยวเฉพาะทางมาแรง: การค้นหา “สถานที่หลบร้อน (Cool Escape Attractions)” พุ่งสูงถึง 1,941% สะท้อนความต้องการในการท่องเที่ยวตามธีมและประสบการณ์ที่ชัดเจน
Insight สำคัญ พบว่า ผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาเฉลี่ย 6 วัน ในการค้นคว้าข้อมูลก่อนตัดสินใจจองการเดินทาง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักวางแผนที่พิถีพิถัน และความต้องการประสบการณ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี
KOL มีบทบาทต่อการตัดสินใจสูง (The Decision Maker)
ในระบบนิเวศดิจิทัลของไทยที่ผู้บริโภคกว่า 95% ค้นหาผลิตภัณฑ์ผ่านคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ บทบาทของ KOL (Key Opinion Leader) จึงกลายเป็นกลไกขับเคลื่อนการจองที่ทรงพลัง จากข้อมูลของ Trip.Best พบว่า 47% ของผู้ใช้งานแบบครอบครัวเลือกติดตามอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวที่แชร์ประสบการณ์จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2568 45% ของนักท่องเที่ยวค้นหาไอเดียทริปล่าสุดจากโพสต์โซเชียลมีเดียของ KOL ไทย ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 28% ในปี 2567 และที่สำคัญที่สุดคือ ยอดสั่งซื้อโดยตรงผ่านรหัสโปรโมชั่นของ KOL เพิ่มขึ้นสูงถึง 120% แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เปลี่ยนจากการรับรู้ไปสู่การซื้อจริง (Conversion) อย่างชัดเจน
นัยทางธุรกิจ บ่งชี้ว่า แบรนด์ท่องเที่ยวต้องผนวกกลยุทธ์ KOL Marketing เข้าไปในแผนงานหลัก โดยเน้นที่การสร้างคอนเทนต์ที่น่าเชื่อถือและถ่ายทอดประสบการณ์จริง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อโดยตรง
Trip.Best และ AI ตอบโจทย์นักเดินทางซับซ้อน
แพลตฟอร์ม Trip.Best ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้ใช้ชาวไทย โดยคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) โดยรวมเพิ่มขึ้น 35% ผู้ใช้งานชาวไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อ ความน่าเชื่อถือ และ การคัดสรรอย่างมืออาชีพ ของข้อมูล
นายซันนี่ ซัน รองประธาน Trip.com Group กล่าวว่า “นักท่องเที่ยวไทยแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการวางแผนท่องเที่ยวที่ละเอียดและซับซ้อน โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่สมดุลระหว่างการผจญภัยและความสะดวกสบาย” ซึ่งระบบแนะนำด้วย AI และข้อมูลเรียลไทม์ของ Trip.Best ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงนี้โดยเฉพาะ
ตลาดในประเทศยังแข็งแกร่ง
แม้ว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่การท่องเที่ยวภายในประเทศของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 25% YoY โดยมี กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, และภูเก็ต เป็นเมืองยอดนิยม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดในประเทศที่ยังสามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างมั่นคง
บทสรุปสำหรับธุรกิจการตลาด
การทำความเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยในปี 2568 ต้องพิจารณา 3 แกนหลัก
1) การแสวงหาประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร (โดยเฉพาะในเมืองรองของจีน)
2) การใช้ KOL ในการตัดสินใจและจองโดยตรง
3) การมองหาความน่าเชื่อถือของข้อมูลและแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ธุรกิจที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่วางแผนมาอย่างดีและใช้กลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นผู้ชนะในตลาดนี้
