อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์กำลังเจอดราม่าชามโต เพราะแคมเปญที่มีช่องโหว่เรื่องภาษา ถือเป็นอีกเคสการตลาดท่องเที่ยวที่น่าคิดตาม เพื่อไม่ให้ใครต้องตกอยู่ที่นั่งเดียวกับการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ซึ่งเผชิญกับความท้าทายทางการสื่อสารครั้งใหม่จากการเปิดตัวแคมเปญชื่อ “Everyone Must Go” ด้วยงบประมาณ 500,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 285,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
เป้าหมายของแคมเปญนี้มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่กลับได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในประเด็นการเลือกใช้คำที่อาจสื่อความหมายในเชิงลบ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่นิวซีแลนด์กำลังเผชิญกับอัตราการย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศที่สูงถึง 54,700 คนในปีที่ผ่านมา ทำให้สโลแกน “Everyone Must Go” ถูกตีความในแง่ลบว่าสะท้อนสภาวะการ “ต้องออกจากประเทศ” มากกว่าการเชิญชวนให้เข้ามาท่องเที่ยว
How embarrassing 😳 National and Co have made us look pathetic on the world stage. What a comedown from Ardern's leadership.
New Zealand’s ‘Everyone must go!’ tourism campaign ridiculed as emigration hits record high https://t.co/EwzNXxv9Ek— Clare K (@AucklandIsland) February 17, 2025
— DaveMac (@davemacpherson7) February 17, 2025
แม้การท่องเที่ยวแดนกีวีจะออกมาย้ำว่าแคมเปญนี้ต้องการสื่อสารถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดหลายรายมองว่า การเลือกใช้ภาษาดังกล่าวฟังดูคล้ายการลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกมากกว่าการสร้างแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยสร้างรายได้ถึง 37.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิด-19 ที่ 40.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าแม้จะมีความผิดพลาดในการสื่อสารการตลาด แต่ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศยังคงแข็งแกร่งอยู่