ประโยชน์ของการแบ่งกลุ่ม Segmentation ใน Google Analytics (GA) คือช่วยให้เรารู้ว่ากลุ่ม User ที่เราแบ่งนั้นมีพฤติกรรมการเข้าดูคอนเทนต์ สมัครสมาชิกและซื้อของในเว็บไซต์อย่างไร แต่น่าเสียดายที่โหมด Segmentation มักจะถูกมองข้ามไป และข้ามไปดูแต่ผลลัพธ์โดยรวมใน Dashboard ซึ่งเกิดจาก User ทุกคน จนในที่สุดเราก็ไม่สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ถูกใจทุก Segment
วิธีการสร้าง Segment ใน Google Analytics
วิธีแรกคือเข้าไปที่ GA เลือก Acquisition แล้วไปที่ Add Segment
จากนั้นก็จะมี Default Segment ที่ GA สร้างให้เราเลือกใช้ได้ตามใจ อย่างในรูปนี้ได้เลือกคนที่มาซื้อของกับทางเว็บไซต์ เสร็จแล้วกด Apply
แล้วเราก็จะได้ Performance Report ของ Segment ที่เราเลือกไว้ ในรูปเราเห็นกราฟของ User เทียบระหว่างกลุ่มของคนที่ซื้อของจากเว็บไซต์ กับกลุ่ม User ทั้งหมด
ไม่ควรสร้าง Segment เพื่อเทียบกับ All Users
เพราะถ้าทำแบบนั้น เราจะไม่ได้อะไรจากการวิเคราะห์ แต่ถ้าเราต้องการวิเคราะห์หา Insight เราควรสร้าง Segment ตรงกันข้ามกัน จากตัวอย่างเราควรสร้าง Segment อีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มที่ไม่ได้ซื้อของจากเว็บไซต์เรา จากรูปให้เข้ามาที่ Add Segment อีกครั้งหนึ่ง แล้วกดไปที่ New Segment
ถ้า Purchaser (Segment ที่เราเลือกก่อนหน้า) มี Transaction มากกว่า 0 ดังนั้นกลุ่มคนที่ไม่ได้ซื้อของจากเราก็ควรมี Transaction Per User เท่ากับ 0 จากนั้นตั้งชื่อ Segment แล้วกด Save สังเกตว่าพอเวลาเราสร้าง Segment เอง GA จะบอกเราเลยว่า Segment ที่เรากำลังจะสร้างจะมีร้อยละเท่าไหร่จาก User ทั้งหมด
เท่านั้นเราก็เทียบ 2 Segments ที่ตรงกันข้ามได้แล้ว ซึ่งจากรูป เราเห็นว่าพวกที่ไม่ซื้อของจากเรา จะดูเว็บเพจของเราแค่ 3-4 หน้าแล้วก็ออกจากเว็บเราไปแล้ว แต่คนที่ตั้งใจซื้อของจากเราจริงๆจะดูเว็บเพจเราไม่น้อยกว่า 17 เพจ
อย่างที่บอกไปเราควรจะสร้าง Segment ให้ตรงกันข้าม นี่เป็นอีกไอเดียในการสร้าง Segment เรารู้แล้วว่าคนที่ไม่ซื้อของจะดูเพจเราแค่ไม่กี่เพจ แต่พอเราสร้าง Segment คนที่ซื้อของผ่านมือถือกับคนที่ซื้อผ่านหน้าจอคอมฯ กลุ่มไหนทำเงืนได้มากกว่า ซึ่งจากรูปเราก็เห็นว่ากลุ่มหลังทำเงินได้มากกว่า ดังนั้นเราก็ควรจะทำ UX สำหรับ Website ให้เหมาะสมกับการซื้อของผ่านหน้าจอคอมฯก่อนดีกว่า
อีกช่องทางในการสร้าง Segment
ให้ไปที่ Admin (ซ้ายล่างของหน้าจอ)
แล้วกดไปที่ Segment (ใต้คำว่า PERSONAL TOOLS & ASSETS)
แล้วกดไปที่ New Segment ก็สร้างได้เหมือนกัน
หลายไอเดียในการสร้าง Segment
1. Not Provided Traffic
บ่อยครั้งเราจะเห็น Not Set กับ Not Provided ในส่วนของ Keyword dimension แปลว่า Google ไม่อยากให้เรารู้ว่าเราได้ Traffic จาก Keyword อะไร ฉะนั้นเราจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ User ที่ใช้ Keyword ที่ Google ไม่ยอมบอกอะไรเลย ฉะนั้นการสร้าง Segmentation ให้กับคนกลุ่มนี้ก็เป็นไอเดียที่ดีที่จะรู้จักคนกลุ่มนี้มากขึ้น
2. Really Engaged Traffic
กรณีที่เราอยากรู้จักกลุ่มคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์เรามากๆ จากรูปเราตั้งค่า Page Depth ให้มากกว่า 4 และ Session Duration มากกว่า 180 วินาที เพื่อหาคนที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อของ (จากรูปก่อนเรารู้แล้วว่าคนไม่ซื้อของจะไม่เปิดเพจเรามากกว่า 4 เพจรวมน้อยกว่า 3 นาที)
3. Google Ads Segment
อยากรู้พฤติกรรมการใช้เวบไซต์ของคนที่มาจากโฆษณา Google Ads
4. Non-Branded Organic Traffic
อยากรู้จักกลุ่ม User ที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์สินค้าหรือบริการที่เราขายมาก่อนเลย เป็นโอกาสดีที่เราจะได้สร้าง Brand Awareness ในรูปจะสมมติว่าเราอยากขายให้กับคนที่ไม่รู้จัก iPhone หรือ Apple มาก่อน เมื่อคนพวกนี้เคยเข้ามาในเว็บไซต์ที่เราขาย iPhone อยู่ เรา เท่ากับว่าเรามีโอกาสขาย iPhone ให้กับคนกลุ่มนี้
5. Sequenced Segment
เรายังสามารถรู้จักพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ของลูกค้าที่มี Pattern การเปิดเว็บเพจแต่ละเพจได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นไอเดียคร่าวๆในการใช้ Segmentation ให้เราเลนได้เยอะ แต่อย่าลืมว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ให้ครบทุกฟังก์ชั่น เพราะเราต้องไม่ลืมว่าเราต้องการแก้ปัญหาอะไรอยู่ครับ
บทความนี้เผยแพร่ใน Marketing Oops เป็นที่แรก
