กรณีศึกษา: จาก ‘Shark Tank’ สู่จุดเปลี่ยนของ Bombas เมื่อผู้ก่อตั้งยอมรับว่า “ไปต่อไม่เป็น” และบทเรียนจากภาพยนตร์ ‘The Intern’

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เรื่องราวความสำเร็จของ Bombas ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในโลกธุรกิจ จากแบรนด์ถุงเท้าที่แจ้งเกิดจากรายการเรียลลิตี้ชื่อดังอย่าง ‘Shark Tank’ สู่บริษัทเครื่องแต่งกายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยพันธกิจอันเป็นเอกลักษณ์ในการบริจาคถุงเท้าหนึ่งคู่ให้กับผู้ยากไร้ทุกครั้งที่มีการซื้อ หนึ่งในกุญแจสำคัญของความสำเร็จในช่วงแรกคือการขายตรงถึงผู้บริโภค (Direct-to-Consumer หรือ DTC) ที่สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้าและควบคุมประสบการณ์แบรนด์ได้อย่างเต็มที่

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวใหญ่ในวงการก็คือการก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ David Heath ผู้ร่วมก่อตั้ง Bombas และการเข้ามาของ Jason LaRose อดีตผู้บริหารจาก Under Armour และ Equinox เพื่อนำทัพบริษัทต่อไป Heath ซึ่งจะยังคงอยู่ในบทบาทประธานบริหาร (Executive Chair) ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ถึงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “เรามาถึงจุดที่มีขนาดและขอบเขตที่เกินกว่าความเชี่ยวชาญของผม ผมไม่ได้มาจากบริษัทเครื่องแต่งกายขนาดใหญ่มาก่อน… ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ผมพบว่าตัวเองพูดบ่อยขึ้นว่า ‘ผมไม่รู้จะไปต่ออย่างไร’” เขายังกล่าวเสริมถึงความเชื่อมั่นในประสบการณ์ของ LaRose ว่า “การมีประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วของ Jason จะทำให้ Bombas ประสบความสำเร็จในบทต่อไป และผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่มีคนที่มีประสบการณ์ของ Jason มาเป็นคนขับเคลื่อน”

คำพูดที่ตรงไปตรงมาและยอมรับในข้อจำกัดของตนเองของผู้ก่อตั้งที่นำพาบริษัทมาสู่ความสำเร็จระดับนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจและชวนให้คิดถึงสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในโลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ฟีลกู๊ดเรื่อง ‘The Intern’ (2015)

เรื่องราวของ Bombas: จากจุดเริ่มต้นสู่ทางแยก

Bombas ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือการทำถุงเท้าที่ดีขึ้น และเมื่อตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนถุงเท้าในกลุ่มคนไร้บ้าน พวกเขาก็ได้ผนวกโมเดล “ซื้อหนึ่ง บริจาคหนึ่ง” (one-for-one) เข้าไปในธุรกิจ ทำให้ทุกการซื้อไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอีกด้วย ความใส่ใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับเรื่องราวของแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้ Bombas เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางออนไลน์ที่พวกเขาเชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม ดังที่ Heath กล่าวไว้ การเติบโตอย่างต่อเนื่องนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆ การบริหารจัดการบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีช่องทางการขายที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หรือการขยายไปสู่ร้านค้าต่างๆ นั้น ต้องการประสบการณ์และทักษะที่แตกต่างไปจากการสร้างแบรนด์และการขายออนไลน์ในช่วงเริ่มต้น ผู้ก่อตั้งที่ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจจากศูนย์ อาจเผชิญกับ “เพดาน” ในการบริหารจัดการองค์กรที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ขึ้น การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการขยายตลาด การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน และการแข่งขันในตลาดค้าปลีก เป็นสิ่งที่ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์ในระดับที่แตกต่างออกไป

‘The Intern’ กับความจริงที่คล้ายคลึง

ภาพยนตร์เรื่อง ‘The Intern’ เล่าเรื่องราวของ Jules Ostin (Anne Hathaway) ผู้ก่อตั้งบริษัทแฟชั่นออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเธออย่างมาก แต่เมื่อบริษัทของเธอเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด Jules ก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันและความไม่มั่นใจในการนำพาบริษัทไปข้างหน้า การเข้ามาของ Ben Whittaker (Robert De Niro) ชายชราวัย 70 ปีในฐานะ Intern กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ Jules ได้เรียนรู้และเติบโตในบทบาทผู้นำ

สถานการณ์ของ Jules ใน ‘The Intern’ มีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ David Heath ในหลายประการ ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้ก่อตั้งที่มีความสามารถและนำพาบริษัทให้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อขนาดขององค์กรใหญ่ขึ้น ความท้าทายในการบริหารจัดการก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย Jules เองก็เผชิญกับความไม่แน่ใจและเริ่มตั้งคำถามกับความสามารถของตนเองในการนำพาบริษัทไปสู่จุดที่ใหญ่กว่าเดิม

บทเรียนจาก ‘The Intern’: เมื่อผู้นำต้องเรียนรู้ที่จะถอยเพื่อก้าวต่อไป

  • การเติบโตของบริษัทอาจเกินขีดความสามารถของผู้ก่อตั้งคนเดิม

‘The Intern’ เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ดราม่าที่ประเด็นหลักของเรื่องสะท้อนความเป็นจริงของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพหลายคนได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับกรณีของ David Heath แห่ง Bombas

ในภาพยนตร์ เราเห็น Jules Ostin ผู้ก่อตั้งบริษัทแฟชั่นออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ต้องเผชิญความกดดันจากการบริหารองค์กรที่ขยายตัวเกินประสบการณ์ของเธอ แม้จะไม่ได้ลงจากตำแหน่ง CEO อย่าง Heath แต่ Jules เองก็ต้องต่อสู้กับความลังเลใจ ความเหนื่อยล้า และคำถามเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองในการเป็นผู้นำบริษัทต่อไป

  • การเปิดใจรับฟังและความสำคัญของผู้มีประสบการณ์ 

จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องอยู่ที่การเข้ามาของ Ben Whittaker อินเทอร์นวัยเกษียณ ที่แม้จะไม่ได้มีบทบาทผู้บริหารโดยตรง แต่กลับกลายเป็นที่พึ่งพาทางอารมณ์และแหล่งปัญญาสำหรับ Jules ผ่านการรับฟัง ให้คำปรึกษา และทำให้เธอกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง

เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของ David Heath ความคล้ายคลึงจึงไม่ได้อยู่ที่รูปแบบการจัดการ แต่เป็นแก่นของการยอมรับว่า “คนคนเดียวไม่สามารถแบกทุกอย่างไว้ได้” ทั้ง Jules และ Heath ต่างพบว่าการเติบโตของบริษัทนำมาซึ่งความซับซ้อนที่ต้องการมุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่าง

  • การถอยไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน

แต่ต่างจาก Jules ที่ตัดสินใจรักษาตำแหน่ง CEO ไว้และเสริมทีมด้วยที่ปรึกษา Heath เลือกทางที่ชัดเจนกว่า—ถอยจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์กรขนาดใหญ่เข้ามาแทน และนั่นก็คือ Jason LaRose

หากมองในเชิงสาระ ‘The Intern’ ไม่ได้สะท้อนกรณีของ Bombas อย่างตรงไปตรงมา แต่ช่วยขยายภาพให้เราเข้าใจความท้าทายด้านอารมณ์และความเป็นผู้นำที่ผู้ก่อตั้งต้องเผชิญเมื่อบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และย้ำถึงความสำคัญของ “คนที่เหมาะสม” ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทของ CEO หรือในฐานะที่ปรึกษา

ภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องของตำแหน่ง แต่คือการรู้ว่าเมื่อใดควรก้าวหน้า และเมื่อใดควรถอย ความยืดหยุ่นทางอารมณ์และความกล้ายอมรับความจริงคือจุดแข็งของผู้นำยุคใหม่

กรณีศึกษาอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นอกเหนือจากกรณีของ Bombas และเรื่องราวใน ‘The Intern’ ยังมีตัวอย่างอื่นๆ ที่น่าสนใจในโลกธุรกิจที่ผู้ก่อตั้งต้องตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่ง CEO เพื่อนำผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่ามาบริหารจัดการการเติบโตในระยะต่อไป:

  • Google: Larry Page และ Sergey Brin ผู้ก่อตั้ง Google ได้มอบหมายให้ Eric Schmidt เข้ามาดำรงตำแหน่ง CEO ในช่วงที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อนำประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่มาใช้ ก่อนที่ Page จะกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในภายหลัง การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตในแต่ละช่วงเวลา
  • Starbucks: Howard Schultz ผู้ที่พลิกฟื้น Starbucks ให้กลายเป็นแบรนด์กาแฟระดับโลก ได้ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลายครั้งในช่วงเวลาที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และนำผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามานำทัพ เพื่อให้ Starbucks สามารถขยายธุรกิจและรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ได้
  • Netflix: แม้ว่า Reed Hastings จะยังคงเป็นส่วนสำคัญของ Netflix แต่ในช่วงแรกๆ ที่บริษัทเปลี่ยนจากธุรกิจเช่า DVD ไปสู่บริการสตรีมมิ่ง เขาก็ได้ Ted Sarandos เข้ามาเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ Netflix ในปัจจุบัน

กรณีศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงผู้นำไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และไม่ได้หมายความถึงความล้มเหลวเสมอไป ในทางตรงกันข้าม มันอาจเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อนำพาบริษัทไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

บทสรุปและข้อคิด

การตัดสินใจของ David Heath ในการก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Bombas เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการตระหนักถึงขีดจำกัดของตนเอง และการให้ความสำคัญกับอนาคตขององค์กรมากกว่าอีโก้ส่วนตัว เช่นเดียวกับเรื่องราวในภาพยนตร์ ‘The Intern’ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้ก่อตั้งธุรกิจต้องเผชิญเมื่อบริษัทเติบโตเกินกว่าประสบการณ์เดิมของตนเอง

บทเรียนที่ได้จากกรณีเหล่านี้คือ การบริหารจัดการการเติบโตของธุรกิจนั้นต้องการทักษะและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา การมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นอาจไม่เพียงพอที่จะนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว การสร้างทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากภายนอก และการตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อประโยชน์ขององค์กรในระยะยาว ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ

สำหรับผู้ประกอบการและนักการตลาด การเรียนรู้จากกรณีศึกษาของ Bombas และภาพยนตร์เรื่อง ‘The Intern’ เป็นเครื่องเตือนใจว่า การเติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง และการยอมรับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความสามารถที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน อย่ากลัวที่จะก้าวออกจากบทบาทเดิม หากการเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่การเติบโตในระดับที่สูงขึ้น เพราะบางครั้ง การ “ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร” อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้


  •  
  •  
  •  
  •  
  •