การทำ Brand Positioning ในยุคนี้นั้น นักการตลาดหลาย ๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Positioning ของตัวเองว่าสร้างแบรนด์ขึ้นมาเพื่ออะไรให้กับกลุ่มเป้าหมายของตัวเองขึ้นมา ทำให้ผู้บริโภคนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างแบรนด์ของนักการตลาดเองกับคู่แข่งในตลาดเลย และส่งผลต่อการทำการตลาดต่อมาที่จะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารอะไรให้ตรงใจ หรือไม่มีจุดเด่นของแบรนด์ขึ้นมา การสร้าง Brand Positioning นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องใช้ระยะเวลาและการทำ Research ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ว่าจุดยืนของแบรนด์ของคุณต่อผู้บริโภคนั้นคืออะไร
ด้วยการที่มี Brand Positioning ที่ดีนั้นจะมีข้อดีหลาย ๆ อย่างอย่างมาก เพราะด้วย Brand Positioning นี้เองจะทำให้นักกาาตลาดมีความเข้าใจตรงกันว่าแบรนด์ตัวเองอยู่ตรงไหนในใจผู้บริโภคและต้องทำการสื่อสารอย่างไรให้ตรงกันต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างมากในการทำขึ้นมา เพราะจะช่วยให้สามารถทำการตลาดต่อไปได้ง่ายขึ้นอย่างมาก ซึ่งในบทความนี้จะพามารู้จัก 6 ข้อดีของการทำ Brand Positioning ขึ้นมานั้นเอง
1. สร้างความแตกต่างของแบรนด์ : ด้วยการที่ในตอนนี้มีผลิตภัณฑ์และบริการมากมายอยู่ในตลาด และผู้บริโภคเองก็มีตัวเลือกที่หลากหลายอย่างมาก ทุก ๆ แบรนด์ก็พยายามทำการสื่อสารทางการตลาดให้กับผู้บริโภค สิ่งที่เกิดขึ้นคือข้อความทางการตลาดนั้นมีความอิ่มตัวต่อผู้บริโภคอย่างมาก และด้วยการที่ไม่มีความแตกต่างทางจุดยืนนี้ จะทำให้แบรนด์นักการตลาดนั้นหลงหายไปยังมวลข้อความที่การตลาดที่มี เพื่อที่จะสร้างความแตกต่างหรือสร้างจุดเด่นของคุณออกมา นั้นคือการสร้าง Positioning ของคุณเองให้แตกต่างจากตลาด ด้วยการที่มีความชัดเจนนี้ จะทำให้คุณสามารถสร้างการสื่อสารที่ไม่เหมือนคนอื่น สร้างความน่าสนใจขึ้นมาทันทีจากแบรนด์คู่แข่งคนอื่น
2. ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป : ในหลาย ๆ ครั้งในการทำการตลาดสิ่งที่เกิดขึ้นมาคืออาการรักพี่เสียดายน้อง ทำให้นักการตลาดนั้นต่างสร้างข้อความทางการตลาดที่มีใจความมากมายที่อยากให้ผู้บริโภคนั้นได้รับรู้ ซึ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาทันที เพราะผู้บริโภคไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจะต้องการสื่อสารอะไรกันแน่ ด้วยเหตุนี้การมี Brand Positioning. นั้นจะมาช่วยในปัญหานี้ เพราะจะทำให้นักการตลาดเข้าใจได้ว่า จะต้องสื่อสารด้วยข้อความทางการตลาดอะไรกันแน่ที่สะท้อนมายัง Brand Positioning ของตัวเอง แทนที่จะสื่อสารทุก ๆ ข้อความออกไป ทำให้มีการที่จะโฟกัสการสื่อสารออกไปทุก ๆ ครั้งและสร้างตัวตนของแบรนด์ที่ชัดเจนขึ้นมาได้
3. สร้างให้ผู้บริโภคซื้อของได้ง่ายขึ้น : ด้วยการที่สังคมในทุกวันนี้มีความสับสนวุ่นวายอย่างมาก และผู้บริโภคมีเวลาน้อย มีเวลาที่จะตัดสินใจอะไรในสิ่งต่าง ๆ น้อยมาก ดังนั้นทำให้ผู้บริโภคนั้นจะไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองออกไป ด้วยเหตุนี้การมี Brand Positionning ที่ชัดเจนนั้นจะช่วยสร้างความแตกต่างในการสื่อสารที่ชัดเจนต่อผู้บริโภคทันที ทำให้ผู้บริโภคเลือกได้อย่างมากว่าจะเลือกแบรนด์คุณหรือแบรนด์คู่แข่งออกไป ถ้าการสื่อสารนั้นตรงใจกับกลุ่มเป้าหมาย
4. ทำให้แบรนด์แข่งกันที่คุณค่ามากกว่าราคา : การที่ไม่มีแบรนด์ Positioning นั้นกลายเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาอย่างมาก เพราะด้วยในตลาดที่มีสินค้าและบริการเหมือนคุณมากมาย แต่คุณไม่มีจุดยืนที่แตกต่างจากคนอื่นเลย สิ่งที่คุณทำได้ขึ้นมาคือการมาแข่งกันที่ราคา และการทำสงครามราคานั้นจะทำให้คุณมีแต่การเจ็บตัว ด้วยการที่คุณต้องลดราคาลงไปแข่งเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายอาจจะทำให้คุณขาดทุนไปจนทำให้ธุรกิจเสียหายอย่างมากได้ การมี Brand Positioning นั้นจะมาช่วยคุณอย่างมากในการสื่อสารทางตลาดว่านำเสนอคุณค่าอย่างไรต่อผู้บริโภคขึ้นมา และด้วยคุณค่านี้เองที่ทำให้จะทำให้คุณสามารถสร้างราคาที่ดีได้และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขึ้นมา
5. ทำให้คุณสามารภพิจารณาราคาใหม่ได้ : ความแตกต่างระหว่างร้านกาแฟทั่วไป กับร้านกาแฟที่มีความพิเศษนั้นคือเรื่องของคุณค่าที่ร้านกาแฟแบบพิเศษนั้นมอบให้กับผู้บริโภค ด้วยคุณค่าไม่ว่าจะเป็นความพิเศษของเมล็ดกาแฟ บริการ และประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้สร้างความแตกต่างของ Brand Positioning ทันที และสามารถสร้างราคาของตัวเองที่ผสมคุณค่าเหล่านี้ลงไปกับผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมาได้ ทั้งนั้นด้วยการที่คุณมี Positioning นี้เอง ทำให้แบรนด์คุณจะมีมูลค่าของแบรนด์ขึ้นมาจนสามารถทำการตลาดที่มีมูลค่าขึ้นได้
6. ทำให้คุณมี Storytelling ที่ดี : สุดท้ายนี้การที่คุณมี Brand Positioning ที่ดีก็จะสามารถทำให้คุณนั้นมี Core Story ของสินค้าและบริการขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้คุณสามารถบอกเล่าคุณค่าของแบรนด์คุณได้ด้วยการนำเรื่องราวเหล่านี้ไปใส่ใน Storytelling ของแบรนด์คุณ ว่าสินค้าและบริการของคุณนั้นมีความแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร