มาดูความสำเร็จสุดปังของ MR. D.I.Y. ธุรกิจสัญชาติไทย ที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากสาขาแรกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว สู่ 1,000 สาขาครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทยในวันนี้ เรื่องราวนี้เล่าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยคุณอานุภาพ คงมาลัย รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ใน SME Stage เซสชั่น “From One store to 1,000 MR. D.I.Y” ณ งาน Asset Wise presents MarketingOops! Summit 2025
9 ปี MR. D.I.Y. กับการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง
จากวันแรกที่ MR. D.I.Y. ก่อตั้งขึ้น พวกเขามีวิสัยทัศน์และภารกิจหลักที่ชัดเจน นั่นคือการส่งมอบสินค้าและบริการ ทั้งอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายในราคาที่คุ้มค่าเสมอ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมี 1,000 สาขาทั่วประเทศใน 77 จังหวัด
สินค้ากว่า 15,000 รายการ ครอบคลุมทุกความต้องการ
วันนี้ MR. D.I.Y. มีสินค้ามากกว่า 15,000 รายการ แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่
- กลุ่มสินค้าครัวเรือนและเฟอร์นิเจอร์
- กลุ่มสินค้าฮาร์ดแวร์
- กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
- กลุ่มสินค้าเครื่องเขียน และกีฬา
- กลุ่มของเล่น
- กลุ่มสินค้าอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ตกแต่งทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องประดับและเครื่องสำอาง
สินค้าครอบคลุมเข้าถึงทุก Gen
คุณอานุภาพ เผยว่า การแบ่งหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลายนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ MR. D.I.Y. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นคนทั่วไปและกลุ่มครอบครัวได้ครบถ้วน การมีสินค้าที่ชัดเจนตามกลุ่มเป้าหมายทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวทุกเจเนอเรชันสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น
- สินค้าฮาร์ดแวร์ ของตกแต่งรถยนต์ อุปกรณ์ทำสวน ฯลฯ ตอบโจทย์กลุ่มผู้ชายและพ่อบ้าน
- สินค้าอุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์ทำอาหาร ฯลฯ โดนใจกลุ่มผู้หญิงและแม่บ้าน
- สินค้าของเล่น เอาใจกลุ่มเด็กๆ และลูกหลานในบ้าน
- ล่าสุดยังขยายไปถึง สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อรองรับกลุ่ม Pet Family ที่กำลังเติบโต
เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ครบครัน ตอบทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใน MR. D.I.Y.
ราคาคุ้มค่า ดึงดูดใจผู้บริโภค
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ MR. D.I.Y. เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคคือ กลยุทธ์ราคา พวกเขาสั่งซื้อสินค้าในปริมาณมากเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำลง เมื่อควบคุมต้นทุนได้ดี ลูกค้าก็จะได้รับสินค้าในราคาที่ประหยัดไปโดยปริยาย
หลักการนี้ยังช่วยให้ MR. D.I.Y. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าทุกราย และยังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังคงได้สินค้าที่คุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้
สะดวก เข้าถึงง่าย ทุกที่ ทุกเวลา
ด้านช่องทางการขาย MR. D.I.Y. มีสาขา 1,000 แห่งทั่วไทย ครอบคลุม 77 จังหวัด โดยมี 2 รูปแบบหลัก คือ สาขาในศูนย์การค้า/ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Mall Format) และ ร้านสาขาเดี่ยว (Stand Alone)
นอกจากนี้ ยังมี สาขาร้านต้นแบบ (Flagship Store) แห่งแรกที่ศูนย์การค้าซีคอน สแควร์ บางแค ซึ่งถูกวางให้เป็น MR. D.I.Y. คอนเซ็ปต์สโตร์ ที่ออกแบบพื้นที่เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
และเพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ MR. D.I.Y. ยังทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยให้บริการบน 4 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักอีกด้วย แนวทางเหล่านี้สอดคล้องกับ Brand Proposition ที่ MR. D.I.Y. ต้องการสื่อสาร 3 เรื่องหลักมาโดยตลอดคือ
- ความหลากหลายของสินค้า
- ราคาถูก
- ความสะดวกสบาย
มองวิกฤตให้เป็นโอกาส
จากความสำเร็จของ MR. D.I.Y. ในวันนี้ คุณอานุภาพ เล่าว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายนับตั้งแต่สาขาแรกเปิดให้บริการในปี 2016 และขยายเป็น 50 สาขาในปี 2017 โดยในช่วง 5 ปีแรก ธุรกิจมีสาขาประมาณ 250 แห่ง
แต่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่เร่งการเติบโตของธุรกิจคือช่วงการแพร่ระบาดของโควิดในปี 2019 ซึ่ง MR. D.I.Y. มองว่าเป็นปีที่สำคัญมาก ทำให้พวกเขาสามารถเร่งขยายสาขาได้มากถึง 750 แห่งภายใน 5 ปี (2021-2025) และนำมาสู่การเปิดให้บริการ 1,000 สาขาในวันนี้
คุณอานุภาพ เผยว่าในช่วงล็อกดาวน์ที่ทั่วประเทศปิดห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า จำกัดให้เปิดขายเฉพาะโซนอาหารเท่านั้น MR. D.I.Y. ตัดสินใจออกมาเปิดสาขาแบบสแตนด์อโลน เพื่อให้บริการลูกค้าโดยตรงที่อยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ “คิดถูก” อย่างมาก เพราะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ MR. D.I.Y. เติบโตอย่างรวดเร็ว (SPEED) และในปี 2025 นี้ พวกเขามีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 200 แห่งเลยทีเดียว
ใช้โมเดลที่ดีที่สุดก่อนขยาย
คุณอานุภาพ ยังได้แชร์ไอเดียสำคัญว่า “เวลาเราตั้งธุรกิจขึ้นมาครั้งแรก สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากโมเดลธุรกิจแล้ว คือ System (ระบบ) หมายถึง Talent (บุคลากร) เราควรตั้งร้านแรกให้มีเป็นหนึ่งร้อยล้าน หมายถึงตั้งร้านแรกให้เป็นโมเดลที่ดีที่สุดก่อนที่คุณจะขยาย เมื่อมันลงตัวแล้วจึงค่อยขยาย”
เมื่อได้จุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว สิ่งที่ต้องมีต่อมาคือ ระบบสนับสนุนหลังบ้าน (Backend Office/Software) ที่ดีและเหมาะสมกับศักยภาพธุรกิจในช่วงเวลานั้น หากกิจการขยายก็สามารถปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในอนาคตได้ เพื่อการทำงานที่ชาญฉลาด (Smart Solution Management)
“ธุรกิจเอสเอ็มอีส่วนมากจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองและทำคนเดียวหมดทุกด้าน แต่การทำงานที่ฉลาดคือมีระบบที่ดีเข้ามาช่วย รวมถึงการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีความทุ่มเท เพื่อรองรับการเติบโตธุรกิจในระยะถัดไปพร้อมกัน”
การทำธุรกิจในปัจจุบัน การเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควบคู่ไปกับการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ระหว่างลูกค้า ซึ่งต้องหาวิธีที่เหมาะสมกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้าว่าพวกเขาใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลแบบไหน ในส่วนของ MR. D.I.Y. พวกเขาจะใช้แคมเปญการตลาดที่ไม่ซับซ้อน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่คุ้นเคยกับ Facebook เช่น การถ่ายรูปแคมเปญแล้วโพสต์แชร์ เป็นต้น
4 คำสำหรับ SME สู่ความสำเร็จ: ‘SPEED’
ก่อนปิดท้ายเวที คุณอานุภาพ ได้แชร์หลักคิดถึงธุรกิจเอสเอ็มอีไทย เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร (Company Value) ให้ประสบความสำเร็จ ภายใต้ 4 คำสำคัญ คือ ‘SPEED’ ซึ่งประกอบด้วย
- S (Simplicity): ทำให้ง่าย โฟกัสในสิ่งที่จำเป็นและเป็นแก่น (Core) ของธุรกิจจริงๆ
- P (Positivity): มองเห็นทุกโอกาสมีอยู่เสมอแม้ในวิกฤต และพยายามไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว เปิดรับเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลกเสมอ
- E (Effective): ได้ผลลัพธ์ และ E (Efficient): มีประสิทธิภาพ
- D (Data-Driven): เข้าใจเชิงลึกลูกค้า จากประโยชน์ของข้อมูลต่างๆ
MR. D.I.Y. แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าทึ่งจากธุรกิจ SME สู่การเป็นผู้นำตลาดด้วย 1,000 สาขาทั่วประเทศใน 9 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าคุณภาพในราคาคุ้มค่า การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายช่องทางการขายทั้งในศูนย์การค้าและร้านค้าเดี่ยว รวมถึงการมีแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักคิด “SPEED” ที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างคุณค่าและนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จที่หลายธุรกิจสามารถนำไปปรับใชกันได้จริง
