ธนาคารไทยพาณิชย์ จับมือสถาบันบัณฑิตย์ บริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบรางวัล “Bai Po Business Awards by Sasin” ครั้งที่ 20 เพื่อเชิดชูเกียรติ 6 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยต้นแบบ ที่สามารถสร้างความแตกต่างในธุรกิจ ฝ่าฟันวิกฤตด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์ และแสดงถึงศักยภาพในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล ได้แก่ คุณเมนี่ – สุวิมล สิระนาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท เติมเนเจอร์ อินดัสตรี้ จำกัด สาวน้อยตัวเล็กๆ ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองตั้งแต่อายุเพียงแค่ 21 ปี โดยได้แรงบันดาลใจจากการอยากตอบแทนเงินทุนการศึกษา ทุนเล่าเรียนหลวงที่ได้รับพระราชทาน รวมไปถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเกษตรกรไทยได้มีรายได้จากการแปรรูปและผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ซึ่งปัจจุบันเธอสามารถพาสินค้าไทยส่งออกไปได้หลายประเทศทั่วโลกแล้ว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ง่ายเลย เธอต้องฝ่าฝันอุปสรรคนานาที่ท้าทายทั้งคำพูดดูแคลนของคนรวมไปถึงความยากในการทำธุรกิจก็ดี วันนี้เราได้โอกาสเปิดใจเธอในทุกแง่มุมแล้ว
รู้จัก “เติมเนเจอร์” ธุรกิจขนมที่ไม่ขนม ทั้งส่งออกและจำหน่ายในประเทศ
“เติมเนเจอร์” คือธุรกิจของ คุณเมนี่ – สุวิมล สิระนาท สาวเก่ง Young Entrepreneur ที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ จาก Stanford University ด้วยทุนเล่าเรียนหลวงของรัชกาลที่ 9 สร้างธุรกิจที่มุ่งเน้นการผลิตขนมขบเคี้ยวที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากเกษตรกรในท้องถิ่น พร้อมทั้งผ่านกระบวนการแปรรูปอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภค โดยมีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ของบริษัท เช่น “Grinny” (กรินนี่) และ “O puff” (โอพัฟ) มีวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น โดยผลิตภัณฑ์เด่น ได้แก่ Mega O ring by O puff (เมก้าโอริงส์) ขนาดใหญ่ที่จำหน่ายในราคา 20 บาท เป็นขนมที่เหมาะสำหรับทานเล่น ทานได้ทุกวัย ผ่านกระบวนการอบแทนการทอด ทำให้ดีต่อสุขภาพมากกว่า และขนาดใหญ่คุ้มค่า คุ้มราคา
นอกจากนี้ “เติมเนเจอร์” ยังส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทส่งออกสินค้าไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และยังรับผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM ให้กับแบรนด์ชั้นนำหลากหลายแบรนด์อีกด้วย
จุดเริ่มต้นจาก ‘ศูนย์’ กับการแทนคุณทุนหลวง และช่วยเกษตรกรไทย
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจมาเปิดธุรกิจเอง คุณเมนี่ เล่าว่า ด้วยการที่ตัวเองได้รับทุนเล่าเรียนหลวงมา อยากจะนำทุนที่ได้จากเงินของแผ่นดินไทย กลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยหลังจากทำงานในต่างประเทศมาระยะหนึ่ง โดยมีความรู้สึกว่าตนเองอยากกลับมามอบบางสิ่งคืนให้แก่สังคมไทย เนื่องจากทุนการศึกษาได้รับการสนับสนุนจากภาษีของประชาชนไทย
เมื่อกลับมาประเทศไทย คุณเมนี่ พบว่าภาคเกษตรกรรมของไทยมีศักยภาพที่โดดเด่น โดยเฉพาะข้าวไทยซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก แต่ยังขาดการพัฒนาในด้านการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ด้วยความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษและเห็นว่าโอกาสการขยายตลาดต่างประเทศเป็นการขยายตลาดของสินค้าไทยให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าเพียงแค่การขายในประเทศ จึงเริ่มต้นธุรกิจด้วยการนำข้าวไทยมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งออกได้ โดยเน้นให้สินค้ามีอายุการเก็บรักษายาวนานขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบขนมขบเคี้ยวที่สามารถเก็บรักษาได้นานถึงหนึ่งปี
ธุรกิจนี้จึงถือเป็นการต่อยอดสินค้าทางการเกษตรของไทยในรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดในระดับสากล รวมถึงเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีช่องทางใหม่ในการเพิ่มรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจอีกด้วย
“ธุรกิจนี้เริ่มต้นจาก ‘ศูนย์’ เลยก็ว่าได้ เพราะเรียนจบมาด้านการเงินและงานที่เคยทำก็เป็นสายธนาคาร เรียกว่าไม่เคยแตะธุรกิจด้านอาหารมาก่อนเลย แต่เราก็เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองด้วยความตั้งใจที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทย ผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยว และแม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการผลิตอาหารมาก่อนเลย ก็เริ่มต้นด้วยการศึกษาขั้นตอนการแปรรูปข้าว พร้อมกับจัดซื้อเครื่องจักรขนาดเล็กมาติดตั้งที่บ้าน แล้วให้สมาชิกในครอบครัวอย่างพี่คนขับรถและแม่บ้านในการทดลองผลิตสินค้าร่วมกัน มาช่วยกันลองชิมว่าเป็นอย่างไร แล้วก็ปรับสูตรพัฒนาโปรดักส์ไปเรื่อย ๆ”
คำพูดและคำดูถูก กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสู้เพื่อสร้างธุรกิจ
“นักเรียนทุนเรียนจบนอก สมัครงานไม่ได้ ทำอะไรไม่สำเร็จหรือเปล่าเลยต้องมาขายขนมใช่ไหม” คำพูดและคำดูแคลนของคน ที่กลายเป็นทั้งแรงฉุดและแรงผลักดันให้คุณเมนี่ ฮึดสู้และต้องประสบความสำเร็จ
เรื่องราวนี้ คุณเมนี่เล่าให้เราฟังว่า สำหรับตัวเองแล้วในช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจถือว่ายากที่สุด เพราะมักจะได้รับคำดูถูกและคำวิจารณ์ในแง่ลบอยู่เสมอ โดยเฉพาะความคาดหวังในภาพลักษณ์ของนักเรียนทุนที่คนส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะได้งานดี ๆ ทำงานในต่างประเทศ และมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เมื่อตัดสินใจลาออกจากงานและกลับมาทำธุรกิจขายขนม หลายคนตั้งคำถามว่า “ขายขนมอะไร ?” บ้างก็คิดว่าเป็นขนมในครัวเรือนหรือเบเกอรี่ธรรมดา ๆ ความคิดเหล่านี้สะท้อนการมองข้ามความตั้งใจที่มี และมองว่าการกลับมาทำธุรกิจนี้เป็นผลจากความไม่สำเร็จในชีวิต
ช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีในการพิสูจน์ตัวเอง เรียนรู้และศึกษาเรื่องอาหาร รวมถึงการตั้งระบบธุรกิจให้มั่นคง จนผ่านมาก็ประมาณ 10 ปีได้แล้ว คนเริ่มมองเห็นความตั้งใจและความจริงจังที่มี
“เราไม่ได้มองลูกค้าเป็นผู้ซื้อ แต่คือเพื่อน” Key Success ของการก้าวสู่ความสำเร็จ
เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่มองว่าทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ (Key Success) คุณเมนี่ บอกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือการตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในฐานะผู้ใช้ปลายทางหรือในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจ OEM ความสำเร็จมาจากการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจนพวกเขาเลือกใช้บริการผลิตสินค้า ด้วยความสามารถในการตอบโจทย์ได้ตรงจุดและแก้ปัญหาได้อย่างมืออาชีพ
“ธุรกิจไม่ได้มองลูกค้าเป็นเพียงผู้ซื้อ แต่เปลี่ยนความสัมพันธ์ให้กลายเป็นเหมือนเพื่อน และในระยะยาวก็กลายเป็นเหมือนครอบครัว หลายบริษัทที่เริ่มต้นธุรกิจร่วมกับเราเติบโตไปพร้อมกัน ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จำกัดแค่การพูดคุยเรื่องงาน แต่ยังรวมถึงเรื่องส่วนตัว เช่น ลูกหลาน หรือเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งสะท้อนถึงความใกล้ชิดระหว่างธุรกิจและลูกค้า นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้ลูกค้าเล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึง pain point ต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของการดำเนินงานร่วมกัน ได้เติบโตไปพร้อมกัน”
ที่สุดของความภาคภูมิใจ คือการนำสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลก
ต่อข้อคำถามว่าอะไรคือบทพิสูจน์ที่เรามองว่านี่คือสัญญาณของความสำเร็จของเราแล้ว คุณเมนี่บอกว่า จุดที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุด คือการที่ผลิตภัณฑ์ของเราได้เริ่มส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยประเทศแรกที่ส่งออกคือ “เนเธอร์แลนด์” และสินค้าที่ขายไปนั้นสามารถส่งออกได้เต็มตู้คอนเทนเนอร์ สาเหตุที่สินค้าสามารถขายได้ในปริมาณมากนั้นมาจากขนมสอดไส้ ซึ่งยังคงขายอยู่ในปัจจุบัน ขนมนี้มีไส้หลากหลาย เช่น รสมะม่วง รสทุเรียน และรสชาไทย ส่วนด้านนอกทำจาก “ข้าวหอมมะลิ” ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน
“ความสำเร็จนี้ถือเป็นจุดที่ทำให้มั่นใจว่ากำลังเดินมาถูกทางแล้ว เพราะผู้บริโภคในต่างประเทศมองเห็นคุณค่าในสินค้าเกษตรไทยจริง ๆ นี่คือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่วันแรกนั้นสามารถทำได้สำเร็จ และจะเดินหน้าสานต่อเป้าหมายนี้ต่อไป”
ความท้าทายของ SME ไทย ต้องปรับตัวให้เร็วให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ความท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับ SME ในตอนนี้ คุณเมนี่ระบุว่า “มันคือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน มันเหมือนการเล่นเกมที่ต้องแก้ปัญหาและปรับเปลี่ยนแผนการตลอดเวลา เหมือนสลับรางรถไฟ”
สิ่งที่พยายามทำอย่างต่อเนื่องคือการผสมผสานนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยกตัวอย่างเช่น ในอดีตเคยผลิตขนมสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมของผักและผลไม้ลงไป แต่เมื่อพ่อแม่เริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพเด็กเล็กมากขึ้น เราก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์สิ่งที่พวกเขามองหา เช่น การเติมเส้นใยอาหาร วิตามิน หรือแคลเซียมลงในขนม เพื่อช่วยให้เด็กมีสุขภาพดีขึ้นและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาการขับถ่ายที่พบในเด็กวัยหนึ่งขวบ การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณค่ามากกว่าขนมทั่วไป และช่วยให้เราเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้
ความภูมิใจของการได้รับรางวัลใบโพธิ์ บทพิสูจน์ความสำเร็จมากกว่าการสร้างตัวเลข
คุณเมนี่ กล่าวถึงการได้รับรางวัล “Bai Po Business Awards by Sasin” ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนถึงคุณค่าของสิ่งที่เราได้ทำมาตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจ ในช่วงเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจ เนื่องจากรางวัลนี้เป็นเป้าหมายที่เราเห็นว่า องค์กรต้นแบบหรือไอดอลในวงการเคยได้รับ หลังจากที่มีคนติดต่อมาเพื่อเสนอให้สมัครรับรางวัล จึงตัดสินใจเข้าร่วม เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการพิสูจน์ว่าเรากำลังก้าวเดินในทิศทางที่เหมาะสม
“ที่ประทับใจมากที่สุดคือ ระหว่างการสัมภาษณ์เพื่อเข้ารับรางวัล คณะกรรมการไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงานหรือยอดขายของบริษัทเท่านั้น แต่ยังสอบถามถึงความมั่นคงและความยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งทำให้เรารับรู้ว่า สิ่งที่เราเน้นคือการสร้างผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เพียงแค่การเติบโตของบริษัทเท่านั้น ความสำเร็จของธุรกิจในมุมมองนี้ไม่ได้หมายถึงการก้าวไปข้างหน้าเพียงลำพัง แต่คือการส่งเสริมให้ทุกส่วนในวงจรธุรกิจเติบโตและมีความสุขร่วมกัน การได้รับรางวัลใบโพธิ์จึงถือเป็นจุดสำคัญที่พิสูจน์ว่าการดำเนินธุรกิจของเรามีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในระดับที่กว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นพัฒนาต่อไปในทิศทางที่ถูกต้องและยั่งยืนในอนาคต”
นอกจากนี้ ในแง่ของการมอบรางวัลนี้ให้แก่ SME อย่างต่อเนื่องของ SCB ส่วนตัวมองว่า การมอบรางวัลนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อ SME เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการมองเห็นความสำคัญของการทำธุรกิจในมิติที่ลึกกว่าเรื่องตัวเลขยอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะการเริ่มต้นธุรกิจเชื่อว่า SME หลายคนส่วนใหญ่อาจจะกว่า 99% มักให้ความสำคัญกับตัวเลขเป็นหลัก แต่แท้จริงแล้วมันคือการเติบโตอย่างยั่งยืน การได้รับรางวัลนี้จึงเป็นเครื่องสะท้อนที่ช่วยให้ SME รับรู้ว่า การเติบโตของธุรกิจไม่ได้วัดผลเพียงแค่ด้านตัวเลข แต่ยังรวมถึงคุณค่าที่ธุรกิจสามารถส่งคืนให้กับสังคมอีกด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ต่างภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก เพราะคือสิ่งที่พิสูจน์ถึงความสำเร็จทั้งในแง่ผลประกอบการและการสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจด้วย
การทำธุรกิจเหมือนเกมมารอนธอน ต้องเร่งเครื่องและทำต่อเนื่องในทุกวัน
ในตอนท้ายสิ่งที่ คุณเมนี่ ฝากไว้ให้แก่นักธุรกิจ SME ไทย เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จว่า การดำเนินธุรกิจเปรียบได้กับการเล่นเกมที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเกมนี้ไม่ใช่การเล่นเกมการแข่งขันในระยะสั้น แต่เป็นเสมือนการวิ่งมาราธอนที่ต้องใช้ความอดทนและความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในทุก ๆ วันผู้ประกอบการต้องพบกับปัญหาหลากหลายรูปแบบที่ต้องแก้ไขอย่างสม่ำเสมอ แม้บางวันจะต้องเดินตามเป้าหมายอย่างเชื่องช้า แต่ก็มีช่วงเวลาที่สามารถเร่งเครื่องและผลักดันตนเองไปข้างหน้าได้สำเร็จ
สิ่งสำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ แม้จะมีอุปสรรคหรือความท้าทายใด ๆ ก็ตาม หากยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาและปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป สุดท้ายแล้วก็จะสามารถก้าวถึงเส้นชัยและบรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จในธุรกิจได้
“ธุรกิจสำหรับดิฉันคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเรียนรู้ ไม่มีสูตรสำเร็จใดที่จะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ เพราะแต่ละวันนำพาความแปลกใหม่มาเสมอ การทำธุรกิจเหมือนการแก้ปัญหาที่ไม่มีจุดจบ แต่ในความไม่มีจุดจบนั้นก็ซ่อนความสนุกและความเติมเต็มที่หาไม่ได้จากที่อื่น บางวันเราอาจล้มลุกคลุกคลาน แต่สิ่งสำคัญคือการลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าด้วยแรงใจและความตั้งใจ”
ทั้งหมดนี้ที่เราได้เรียนรู้จากบทเรียนการทำธุรกิจผ่านสาวน้อยตัวเล็ก ๆ “เมนี่ สุวิมล” แห่งเติมเนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น การปรับตัวอย่างรวดเร็ว การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการมองการณ์ไกลเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อธุรกิจและสังคมรอบตัว ความสำเร็จในโลกธุรกิจไม่ได้วัดจากตัวเลขหรือผลประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคุณค่าที่เราได้ให้กลับไปยังคนอื่นและชุมชนที่เราอยู่ร่วมด้วย การพยายามสร้างสิ่งที่ยั่งยืนและมีความหมายจะนำพาให้เรารู้สึกภูมิใจในทุกย่างก้าวของการเดินทางนี้.