หลังจาก Google เปิดตัวโมเดลสร้างวิดีโอ Veo3 ที่ทำให้เราสามารถ Prompt สร้างวิดีโอที่พากย์เสียงภาษาไทยได้แบบเนียนๆ สำหรับคนใช้แพคเกจ Google AI Pro และ Google AI Ultra ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด Google เปิดตัวเครื่องมือสำหรับการสร้างและตัดต่อวิดีโอด้วย AI สุดเทพอย่าง Flow มาให้คนไทยได้ใช้งานแล้วด้วยเช่นกัน โดยเปิดให้กับคนที่มีแพคเกจเริ่มต้นอย่าง Google AI Pro ที่จ่ายเงินราวๆ 750 บาทต่อเดือนได้ใช้ด้วย
สำหรับวิธีใช้และความสามารถของ Flow สามารถเข้าไปใช้งานได้ผ่านทาง https://labs.google/flow/about
เมื่อกดเข้าไปแล้วเลือก account ที่เราสมัคร Google AI Pro หรือ Google AI Ultra เอาไว้ก็จะมีให้อ่านเงื่อนไข ยอมรับข้อตกลงแล้วก็จะเข้าสู่หน้าจอหลัก แล้วเราสามารถกด “เริ่มโปรเจ็กต์” ใหม่ได้เลยโดยหน้าตาการทำงานจะเป็นแบบนี้
สำหรับฟีเจอร์ต่างๆที่ทำได้นอกจากการ “เปลี่ยนข้อความเป็นวิดีโอ” (Text to Video) อย่างที่เราคุ้นเคยกันได้แล้วยังมีฟีเจอร์อย่าง “เปลี่ยนเฟรมเป็นวิดีโอ” (Frames to Video) ซึ่งก็คือการสร้างวิดีโอโดยกำหนดฉากเริ่มต้นและฉากจบได้ โดยอัพโหลดนิ่งเข้าไปหรือจะใช้ภาพที่เราใช้ AI สร้างใหม่ก็ทำได้
นอกจากนี้อีกฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมเลยก็คือเราสามารถย “เลือกมุมกล้องได้” โดยหลังจากโหลดภาพเฟรมเริ่มต้นเข้าไปแล้วให้กดที่ icon รูปกล้องในช่อง Chat ก็จะมีมุมกล้องมาให้เราเลือกนับ 10 รูปแบบ
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนมุมกล้องที่ทดลองใช้สำหรับแพคเกจ Google AI Pro ที่เราใช้อยู่สามารถใช้ได้กับโมเดล Veo 2 – Fast เริ่มต้นเท่านั้น ในขณะที่การพิมพ์คำสั่ง Prompt ยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น
ดังนั้นเราก็ต้องเปลี่ยน prompt จากภาษาไทยให้เป็นภาษาอังกฤษเป็น “The cat jumped onto the table” จากนั้นระบบจะประมวลผลและ generate ผลลัพธ์มาให้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ระบบจะประมวลผลให้เราสามารถตั้งได้แสดงผลได้ตั้งแต่ 1-4 รูปแบบ (ค่าเริ่มต้นคือ 2 รูปแบบ) ซึ่งการตั้งค่าตรงนี้สามารถตั้งค่าได้ตามภาพด้านล่าง
นอกจากนั้นอีกฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากๆสำหรับคนทำวิดีโอก็คือ “เครื่องมือสร้างฉาก” หรือ “Scenebuilder” วิธีใช้ก็คือคลิกไปที่มุมซ้ายบนคลิปที่เรา generate ขึ้นมาที่เขียนว่า “เพิ่มลงในฉาก”
จากนั้นระบบจะพาเราเข้าไปสู่หน้าจอ Screen Builder ที่เราสามารถกำหนด “ฉากต่อไป” หรือจะ “ขยาย” ซึ่ง “ขยาย” ก็คือการกำหนดให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดไปในคลิปวิดีโอแรกได้
จากคลิปแรกหลังจากแมวกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้วก็อยากให้แมวเล่นกับของเล่นแมวด้วยเราก็กดไปที่ “ขยาย” แล้วก็อธิบายสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นถัดไปได้เลยโดย Prompt ว่า “The cat played with the wand toy, batting at the mouse attached to it with its front paws” เราก็จะได้อีกคลิปที่แมวเล่นของเล่นแมวต่อเนื่องจากคลิปแรกมาตามภาพด้านล่าง
ข้อจำกัดของฟีเจอร์ “ขยาย” นี้ก็คือยังคงใช้ได้กับโมเดล Veo 2 – Fast เท่านั้นเช่นกัน นั่นทำให้วิดีโอที่เราทำคุณภาพอยู่ในระดับพอใช้เท่านั้นและแน่นอนว่ายังไม่มีเสียง
อีกฟีเจอร์หนึ่งก็คือ “ข้ามไปยัง” ตามภาพด้านบน ที่จะสามารถสร้าง “ฉากต่อไป” ได้ ในกรณีนี้เราอยากสร้างฉาก “ร้านขายอาหารแมวที่มีอาหารแมวอยู่เต็มชั้น มีแมวตัวนี้เดินเข้ามาในฉากและนั่งมองขึ้นไปที่ชั้นอาหารแมวปริมาณมาก ชั้นวางใหญ่และมีอาหารแมวเยอะมากๆจนทำให้แมวดูตัวเล็กไปเลย” ดังนั้นเราก็เลย Prompt เข้าไปเป็นภาษาอังกฤษระบบก็จะสร้างคลิปในฉากต่อไปมาให้เราทันทีซึ่งภาพก็จะต่อเนื่องจากคลิปก่อนหน้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เรายังสามารถตัดต่อความยาวแต่ละคลิปให้สั้นลงได้รวมถึงจัดเรียงคลิปที่เรา generate ใหม่ได้ด้วยการกด “จัดเรียง” แล้วเราก็จะสามารถเรียงลำดับคลิปทั้งหมดที่เราสร้างขึ้นมาได้
เมื่อเรียงแล้วก็กด “เสร็จสิ้น” เป็นอันเสร็จเราก็สามารถดาวน์โหลดคลิปไปใช้งานต่อได้เลย
Flow TV
สำหรับอีกฟีเจอร์ที่ Flow มีให้ด้วยและช่วยแก้ไขปัญหาเวลาที่เรานึก Prompt ไม่ออก เราก็สามารถกดดูตัวอย่างคลิปที่ถูกสร้างขึ้นมาได้จาก Flow TV ซึ่งก็จะมีหลาย Chanel ให้เราได้เข้าไปดูแต่ละ Chanel ก็จะมีคอนเซปต์วิดีโอแตกต่างกันไป หากเราชอบรูปแบบไหน เราก็สามารถกด Show Prompt และนำ Prompt นั้นไปปรับใช้กับงานวิดีโอของเราได้เลยโดยกดเข้าจากเมนู 3 จุดด้านบนแล้วเข้าเมนู “ดู Flow TV” ตามภาพด้านล่าง
กดเข้ามาก็จะมี Chanel ให้เลือกมากมายก็ลองกดเข้าไปดูสไตล์ที่เราชอบหรือสไตล์ที่เราอยากนำมาใช้งานกับวิดีโอของเราได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น มุมมองโดรน, ภาพแบบอัลตร้าไวด์ หรือ มุมมองสิ่งต่างๆที่เป็น circular ก็มีให้เลือกดูและลองนำ prompt ไปใช้งานต่อได้
ข้อจำกัดการใช้งาน Flow
สำหรับโมเดลสร้างวิดีโอมีให้เลือกใช้ 4 โมเดลนั่นก็คือ
- Veo2-Fast : สร้างวิดีโอแบบไม่มีเสียงคุณภาพระดับหนึ่งใช้เวลาน้อยสุด
- Veo2-Quality : สร้างวิดีโอไม่มีเสียงคุณภาพสูงใช้เวลาปานกลาง
- Veo3-Fast : สร้างวิดีโอมีเสียงคุณภาพดีกว่า Veo2 แต่ใช้เวลาน้อยกว่า Veo2-Quality
- Veo3-Quality : สร้างวิดีโอมีเสียงคุณภาพสูงสุดใช้เวลาสร้างนานหน่อย
แน่นอนว่าเราสามารถเลือกแต่ละโมเดลใช้ในการสร้างวิดีโอได้เลย ซึ่งจากการทดลองใช้สำหรับคนที่ใช้ Google AI Pro แล้วแต่ละโมเดลก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างสำหรับการใช้ฟีเจอร์อื่นๆเพิ่มเติมเช่น การ “เลือกมุมกล้อง” หรือการ “ขยาย” จะใช้ได้กับการสร้างวิดีโอด้วย Veo2-Fast เท่านั้น ซึ่งก็เชื่อว่าในอนาคต Google จะเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้กับโมเดลสร้างวิดีโอระดับสูงขึ้นมาอย่าง Veo2-Quality, Veo3-Fast และ Veo3-Quality ได้
เงื่อนไขเรื่องจำนวนเครดิต
แน่นอนว่าการสร้างวิดีโอสำหรับแต่ละแพคเกจนั้นไม่สามารถทำได้แบบไม่จำกัด แต่ละแพคเกจก็มีจำนวนการสร้างมากน้อยต่างกัน โดยความแตกต่างนั้นจะถูกกำหนดเอาไว้ด้วย “จำนวนเครดิต” ที่แต่ละแพคเกจมีให้ เช่นเดียวกับการเลือกโมเดลในการสร้างวิดีโอที่แต่ละโมเดลก็ใช้เครดิตแตกต่างกันด้วย โดยรายละเอียดมีงนี้
- แพคเกจ Google AI Pro (เดือนละ 750 บาท) จะได้ 1,000 เครดิต/เดือน
- แพคเกจ Google AI Ultra (เดือนละ 9,400 บาท) จะได้ 12,500 เครดิต/เดือน
ซึ่งแต่ละโมเดลก็จะใช้เครดิตต่างกันทำให้จำนวนครั้งในการ Generate วิดีโอก็ทำได้ต่างกันไปด้วย
- Veo2-Fast : ใช้ 10 เครดิต/ครั้ง (Pro-100ครั้ง/Ultra-1,250ครั้ง)
- Veo2-Quality : ใช้ 100 เครดิต/ครั้ง (Pro-10ครั้ง/Ultra-125ครั้ง)
- Veo3-Fast : ใช้ 20 เครดิต/ครั้ง (Pro-10ครั้ง/Ultra-625ครั้ง)
- Veo3-Quality : ใช้ 100 เครดิต/ครั้ง (Pro-10ครั้ง/Ultra-125ครั้ง)
ถ้าเครดิตหมดก็สามารถเติมได้เช่นกันโดย Google กำหนดราคาเอาไว้ที่
- 2,500 เครดิต ราคา $25 ราวๆ 800 บาท
- 5,000 เครดิต ราคา $50 USD ราวๆ 1,600 บาท
- 20,000 เครดิต ราคา $200 USD ราวๆ 6,500 บาท
ใครที่มี Google AI Pro หรือ Google AI Ultra ก็เข้าไปลองดูกันได้เลย เพราะเราเชื่อว่าเครื่องมือนี้น่าจะเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานของคนทำงานสายวิดีโอ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมไปถึงคนทำงานสายโฆษณาและสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทยไปอีกเยอะมากๆแน่ๆ