“ในยุค AI ทักษะอะไรที่จะทำให้มนุษย์ไปต่อได้?” สรุปจาก Sessio The Essential Human Skill in the Age of AI โดย คุณธนา เธียรอัจฉริยะ แห่ง Bluebik Group จากงาน KBTG Techtopia At World’s Beginning
คุณโจ้ ธนา แห่ง Bluebik และเจ้าของเพจ “เขียนไว้ให้เธอ” มาพร้อมกับคำตอบที่เรียบง่ายในวันที่ AI เก่งขึ้นทุกวัน มนุษย์ธรรมดาอย่างเราต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดและเติบโต บทความนี้ Marketing Oops! สรุปเนื้อหาทั้งหมดมาให้แล้ว สำหรับใครที่ไม่ทันมาฟังสดๆที่งาน เชื่อว่าว่าอ่านจบแล้วจะได้ไอเดียไปพัฒนาตัวเองต่อได้แน่นอน
มนุษย์ต้องเป็น “Likable Polymath”
คุณธนาเปิดประเด็นด้วยถามง่ายๆว่า “คนธรรมดาจะใช้ AI อย่างไร?” คุณธนาก็ให้คำตอบเราด้วยคีย์เวิร์ดสองคำนั่นก็คือ “Likable Polymath” หรือ “ผู้รู้รอบด้านที่น่าคบหา”
Polymath คืออะไร
คุณธนาอธิบายด้วยตัวอักษร 4 ตัวคือ “ITYx”
ในอดีตเราถูกสอนให้เป็นคนแบบตัว ‘I’ คือรู้ลึก รู้จริงแค่เรื่องเดียว แต่ในยุคนี้ความรู้แบบตัว ‘I’ กำลังถูก AI เข้ามาแทนที่ได้อย่างง่ายดาย
เช่น ทนายความที่เชี่ยวชาญด้านการร่างสัญญา, นักรังสีวิทยาที่อ่านฟิล์ม X-ray หรือโปรแกรมเมอร์ที่เขียนโค้ดตามคำสั่ง ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะทางที่ AI สามารถเรียนรู้และทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เราต้องพัฒนาไปสู่การเป็นคนแบบตัว ‘T’ คือรู้ลึกในเรื่องที่เชี่ยวชาญ และรู้กว้างในเรื่องอื่นๆ ด้วย เพื่อให้เข้าใจบริบทและทำงานร่วมกับคนอื่นได้
เช่น ทนายความ (Lawyer) ที่เก่งและอยู่รอดได้ในยุคนี้ จะไม่ใช่แค่คนที่รู้กฎหมายแบบเป๊ะๆ แต่ต้องเข้าใจบริบททางธุรกิจ สามารถให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทได้ ไม่ใช่แค่บอกว่า “ทำไม่ได้” เพราะผิดกฎเพียงอย่างเดียว
แต่สิ่งที่เป็น “ขั้นสุด” คือการเป็นคนแบบตัว ‘Y’ (Multi-disciplinary skill) คือการมี ความรู้ลึกอย่างน้อย 2 เรื่อง ที่แตกต่างกัน แล้วใช้ความเป็นมนุษย์เชื่อมโยงสองสิ่งนั้นเข้าด้วยกัน เหมือนที่คุณคมสันต์ แซ่ลี รู้ทั้งโลกของจีนและไทย หรือนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลที่มักจะมีทักษะลึกซึ้งทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และดนตรี
คุณธนาสรุปภาพของ Polymath ไว้ว่า “Jack of all trades, master of some” ไม่ใช่ master of none อีกต่อไป
เป็นการเล่นคำจากสำนวนเดิมที่ว่า “Jack of all trades, master of none” (รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง) มาสู่แนวคิดใหม่นั่นคือการเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวางในหลากหลายสาขา (Jack of all trades) แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทักษะที่เชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้ง “บางอย่าง” (master of some) อย่างน้อย 2 เรื่องขึ้นไป เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่แตกต่างมาผสมผสานและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้
Likeable คืออะไร?
Likeable คือส่วนของตัว ‘X’ หรือ X-Factor ที่ AI ไม่มีทางทำได้ มันคือ Human Elements ล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น Trust (ความน่าเชื่อถือ), Creativity (ความคิดสร้างสรรค์), และ Collaborations (ความร่วมมือ)
ในวันที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลและความรู้ได้เท่ากัน สิ่งที่จะทำให้คนหนึ่งไปได้ไกลกว่าอีกคน ก็คือการเป็นคนที่ “น่าคบหา” หรือเป็นคนที่มี “กัลยาณมิตร” คอยสนับสนุน
คุณธนายกยืนยันเรื่องนี้ด้วยสำนวนที่ว่า “เริ่มต้นคู่คี่ สิบปีไม่เท่ากัน”
คุณธนาเน้นว่าเส้นทางของคนสองคนที่เริ่มต้นเท่ากันเป๊ะๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะต่างกันลิบลับ เพราะระหว่างทางจะมีตัวแปรคือ “คน” ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายที่ให้โอกาส, Mentor ที่คอยสอน, เพื่อนร่วมงานที่ดี หรือลูกน้องที่พร้อมลุยไปด้วยกัน
ถอดรหัส “โชค” จาก Shohei Ohtani
คุณธนายกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก คือ Mandala Chart ของ Shohei Ohtani นักเบสบอลที่เก่งที่สุดในโลกในเวลานี้ Ohtani วางแผนพัฒนาตัวเอง 8 ด้านเพื่อไปสู่เป้าหมาย ซึ่ง 7 ด้านแรกคือทักษะเบสบอลล้วนๆ (สร้างร่างกาย, จิตใจ, ความเร็ว)
แต่ข้อที่ 8 น่าสนใจที่สุด นั่นคือ “โชค” (運)
Ohtani นิยาม “โชค” ของเขาไว้ว่าประกอบไปด้วยการกระทำเหล่านี้:
- ทักทายให้ดี
- เก็บขยะ
- ทำความสะอาดห้อง
- วางตัวกับกรรมการให้ดี
- อ่านหนังสือ
- เป็นคนที่คนอื่นอยากเชียร์
- คิดบวก
- ใช้อุปกรณ์อย่างทะนุถนอม
ทั้งหมดนี้คือคำนิยามของคำว่า “Likeable” การสร้างโชคของ Ohtani คือการทำตัวเองให้เป็นคนน่ารัก น่าสนับสนุน เพื่อให้โอกาสดีๆ วิ่งเข้ามาหานั่นเอง
3 ทักษะที่จะทำให้เราเป็น Likable Polymath
แล้วเราจะสร้างตัวเองให้เป็น “Likable Polymath” ได้อย่างไร? คุณธนาสรุปออกมาเป็น 3 ทักษะนั่นก็คือ
1. Curiosity (ความอยากรู้อยากเห็น)
ไม่ใช่แค่อยากรู้ แต่ต้องเป็น “Active Learning” คือการลงมือ “ทดลองทำ” เมื่อล้มเหลวก็ “เรียนรู้” แล้วทำใหม่ วนลูปไปเรื่อยๆ การแค่นั่งดูวิดีโอสอนหรืออ่านหนังสืออย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ถ้าอยากมีทักษะที่สอง (ตัว ‘Y’) ต้องเกิดจากการลงมือทำจริงเท่านั้น
2. Discipline (วินัย)
ในยุคที่ทุกอย่างง่ายไปหมด แค่เปิดมือถือก็เจอทุกคำตอบ สิ่งที่มีน้อยและจะมีค่ามหาศาลคือ “วินัย” คุณธนายกตัวอย่าง “เชฟไอซ์” จากร้านศรณ์ (Sorn) ที่กว่าจะได้สูตรอาหารใต้โบราณที่เรียกว่า ‘Lost Art’ ต้องยอมลงใต้ไปคลุกคลีกับชาวบ้านเป็นเดือนๆ ไปแอบดูคุณป้าทำขนมครก หรือฝึกหุงข้าวให้เมล็ดตั้งตรง 90 องศาได้ทุกครั้ง ซึ่งใช้เวลาฝึกฝนนานถึง 5 ปี นี่คือสิ่งที่ AI ทำไม่ได้
3. Likeability (ความน่าคบหา)
ทักษะสุดท้ายที่สำคัญที่สุดที่เป็นแก่นของความเป็นมนุษย์ คือการเป็นคนที่น่ารัก น่าคบหา น่าสนับสนุนในทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็น
- สำหรับเจ้านาย: ทำงานให้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ เดินไปถามนายทุกวันว่า “มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ” เพื่อทำให้นายของเรา “ได้แสง”
- สำหรับ Mentor: ทำให้เขารู้สึกว่าเราเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาสอน (Appreciate)
- สำหรับเพื่อนร่วมงาน: ไม่นินทา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชนะฉลองด้วยกัน แพ้ไม่โทษกัน
- สำหรับลูกน้อง: เป็นโค้ชที่ดี ปรารถนาดี และอยากให้เขาเติบโต
โลกในยุค AI อาจจะดูน่ากลัว แต่สุดท้ายแล้วยังมี ทักษะที่ AI ไม่สามารถทำได้แต่มนุษย์ทำได้นั่นก็คือการพัฒนาตัวเองให้เป็น Likable Polymath นั่นเอง