สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ DAAT จับมือ “คันทาร์ ประเทศไทย” เปิดเผยตัวเลขการคาดการณ์มูลค่างบฯโฆษณาบนสื่อดิจิทอล ปี 2567 พบว่าปีนี้มีสัญญาณที่ดี โดยคาดการเติบโตสูงถึง 33,859 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบ 16%
สาเหตุเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลเติบโต มากกว่าที่คาด
แม้ว่าเศรษฐกิจไทยภาพรวมอาจจะโตแบบไม่ก้าวกระโดด แต่การใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล เติบโตแบบ 2 Digi (ตัวเลข 2 หลัก) เป็นการเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การส่งออกที่ดีขึ้น ค่าเงินที่แข็ง และการกระตุ้นของภาครัฐ โดยเฉพาะเงิน 10,000 บาท ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปี
พฤติกรรมผู้บริโภค ไม่เน้นซื้อของใหญ่ เช่น บ้าน หรือลด แต่ยังคงใช้จ่ายในสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคต่อครั้งสูงขึ้น (เน้นไปที่ความถี่ในการจับจ่าย) โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ มีการเติบโตที่สูงขึ้น
.
5 อันดับ ธุรกิจ/อุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าการลงทุนในโฆษณาดิจิทัล
- กลุ่มสกินแคร์ ลงทุนในโฆษณาดิจิทัล 5,047 ล้านบาท (อันดับ 1 สองปีติดกัน)
- กลุ่มยานยนต์ ลงทุนในโฆษณาดิจิทัล 3,898 ล้านบาท
- กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลงทุนในโฆษณาดิจิทัล 2,844 ล้านบาท
- กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ลงทุนในโฆษณาดิจิทัล 2,053 ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ลงทุนในโฆษณาดิจิทัล 1,641 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจกับการใช้สื่อ
- กลุ่มสกินแคร์ ใช้เครือ META มากที่สุด รองลงมาได้แก่ แพล็ตฟอร์ม VDO
- กลุ่มเครื่องดื่ม Non-alcohol เน้นทำงานบน Youtube, TikTok กับแพล็ตฟอร์ม VDO
- กลุ่มยานยนต์ เน้นใช้เครือ META , SEO, VDO
- สะท้อนว่ากลุ่มธุรกิจ ใช้ช่องทางสื่อสอดคล้องไปตามพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าของตนเอง
.
เทรนด์สื่อออนไลน์ #DigitalMediaTrends
พบว่าแนวโน้มของสื่อออนไลน์มีความกระจายตัวตามความสนใจของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย
- META (บริษัทแม่ Facebook และ Instagram) ครองแชมป์ที่มีเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลสูงสุด
- พบความร้อนแรงของ TikTok ที่เติบโตแบบพุ่งทะยาน และคาดการณ์ว่าจะเป็นสื่อที่ครองอันดับ 3 ในปี 2567 นี้ โดยปี 2566 อยู่ที่ 7% ปีนี้คาดการณ์ว่าจะไปสู่ที่ 11%
- ช่องทางมีเดียรูปแบบ VDO และ Streaming เป็นอีกช่องทางมาแรงและกำลังเติบโต
บทวิเคราะห์การใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัล #AdSpending2024
- อัตราการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล มีสัญญาณที่ดี เพราะเห็นการเติบโตแบบ 2 Digi (ตัวเลข 2 หลัก) สะท้อนได้จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ขยายเม็ดเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
- กลุ่มสกินแคร์ เพิ่มเม็ดเงินลงทุนจาก 40% (ในปี 2566) เป็น 46% (การคาดการณ์ปี 2567) เหตุจากการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจนี้มีสูงมาก
- ขณะที่ กลุ่มธุรกิจยานยนต์ มีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตของ รถยนต์ EV โดยพบว่า กลุ่มนี้เพิ่มเม็ดเงินลงทุนในโฆษณาดิจิทัลจาก 24% เป็น 30%
- กลุ่มธุรกิจ Retail มีการเติบโตที่โดดเด่น เพราะผู้คนออกนอกบ้านมากขึ้น และพบการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในกลุ่มนี้
- #ConsumerBehavior พฤติกรรมผู้บริโภค มีการเสพสื่อดิจิทัลเยอะขึ้น มีขั้นตอนที่เยอะขึ้น ดังนั้น การวางแผนสื่อดิจิทัลเพียงแพล็ตฟอร์มเดียว ไม่พออีกต่อไป ควรที่จะมีการมิกซ์รวมกันมากขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้ง Lower funnel และ E-marketplace ผสมกันไป เพื่อเปิดช่องทางการขาย
Generation กับการใช้สื่อออนไลน์
- Gen X (เจนเดอะแบก) เป็นกลุ่มที่คิดเยอะรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นจึงต้องการข้อมูลเยอะในการตัดสินใจ สื่อที่เข้าถึงได้ดีคือเครือ META , Line Shopping และ TikTok ยังได้อยู่ และยังใช้ช่องทางนี้การหายรายได้ไปในตัวด้วย
- Gen Y ใช้ดิจิทัลแพล็ตฟอร์มเยอะที่สุด เป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เข้าถึงดิจิทัลในทุกแพล็ตฟอร์ม ชอบการท่องเที่ยว มองหาการลงทุน และชอบชีวิตแบบปัจเจกแบบตัวของตัวเองด้วย ดังนั้น Brand ที่จะเข้าถึงควรเข้าใจในความเป็นปัจเจกตัวตนของเขา จะสร้างเอ็นเกจเมนต์กับเขามากขึ้นได้
- Gen Z ใช้เวลาบน TikTok มากที่สุด รวมไปถึง X ด้วย ชอบเข้าไปแสดงความคิดเห็นและแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย นอกจากแพล็ตฟอร์มเหล่านี้แล้ว จะทำการตลาดกับเจนฯ นี้ ใช้ Content Creators ก็จะเข้าถึงง่ายขึ้น
- Gen Alpha แตกต่างเจนฯ อื่นมากที่สุด และมีความ Uniqueness เสพสื่อไวๆ โซเชียลมีเดียยุคหลังเข้าไม่ถึง เพราะกลุ่มนี้โตมากับโซเชียลมีเดียที่มีอยู่แล้ว ใช้งานเลยไม่ใช่ใช้เพื่อการทำงาน การเข้าถึงกลุ่มนี้ควรเป็น KOL ที่เขาสนใจ แพล็ตฟอร์มที่เข้าถึงได้เป็นพวกแอปฯ หรือ Utility app ที่เข้าใช้งานอยู่
Digital Marketing Trends
ก่อนโควิด อาจจะเน้นไปที่การสร้าง Performance แต่ลดการสร้างแบรนด์ ซึ่งระยะยาวไม่ตอบโจทย์เลย ดังนั้น ในยุคนี้ ควรทำแบบรวมกัน ซึ่งเรียกว่า “Brandformance” คือการสร้างแบรนด์ที่คู่กัน ทั้ง Branding และ Performance กันแบบคู่ขนาน
ออนไลน์ยังเป็นแนวโน้มที่เติบโต ดังนั้น ควรสร้าง Brand Trusting ของตัวเองบนออนไลน์ให้ดี นอกจากการให้ KOL แล้วก็ควรใช้ KOC ร่วมด้วย แต่ต้องสร้าง After sale service ที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้แบบ 24 ชม. ทางออนไลน์ได้ เพื่อช่วยกระตุ้นในการตัดสินใจซื้อ พร้อมกับสร้างกิจกรรมบนออนไลน์ ช่วยเพิ่มเอ็นเกจเมนต์ เช่น แคมเปญท็อปสเป็นดิ้งกงยู
ความท้าทายในอนาคต #AgencyOutlook
- การเพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “รวยดาต้า” แต่ “จนอินไซต์”
- ทรัพยากรบุคคลหายากมากขึ้น คนที่เข้าใจดิจิทัลแอดฯ หรือดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่แท้จริงมีน้อยในตลาด
- E-commerce , E-marketplace มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ดังนั้น คำแนะนำเอาชนะความท้าทาย ให้โฟกัสที่การนำ Data มาใช้ มากกว่าการเก็บ และควรเก็บอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน และวางแผนในการเก็บให้ดี First Data ยังสำคัญมาก ไม่ควรละเลย
ใช้เครื่องมือต่างๆ ให้เป็น และใช้งานให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น MarTech Tools ต่างๆ หรือการทำงานร่วมกันอย่าเป็นเนื้อเดียวระหว่างเอเจนซีและลูกค้า ไม่ทำงานแบบไซโล พร้อมการอัปเดทอย่างเรียลไทม์ การสร้างโอกาสที่ – ทำได้ผ่านนวัตกรรมและ AI จะเพิ่มบทบาทและความสำคัญมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต