สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ และเป็นที่ยอมรับว่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์มีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก นั่นทำให้เทคโนโลยียานยนต์ถูกพัฒนาไปสู่ EV โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีปริมาณบนท้องถนนสัดส่วนสูงกว่ารถยนต์ และหลายงานมักจะพึ่งพาการใช้รถจักรยานยนต์เพื่อลดปัญหาการจราจร
รถจักรยานยนต์จึงได้รับการพัฒนาไปสู่ EV และหากพูดถึงตลาดรถจักรยานยนต์ EV ก็ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์จีน ซึ่งหนึ่งใน Pain Point ของรถจักรยานยนต์ EV ของจีนคือเรื่องของคุณภาพ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน ที่สำคัญรถจักนยานยนต์ EV ที่มีประสิทธิภาพยังมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ใช้น้ำมันทั่วไป
รีแบรนด์ AJ EV สู่แผนการเติบโต
และหากนึกถึงแบรนด์รถไฟฟ้าของไทยก้ต้องมีแบรนด์ AJ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่หันมาพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้ AJ ทำการรีแบรนด์ครั้งใหญ่พร้อมด้วยโลโก้ใหม่ AJ EV ที่ยังคงคอนเซ็ป “พระเอกตัวจริง” ซึ่งวัตถุประสงค์การแสดงในครั้งนี้เพื่อให้ทันสมัยขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และเพิ่มการรับรู้ รวมถึงการเข้าถึงตลาดให้กว้างมากขึ้น
โดย AJ EV มีเป้าหมายอยู่ที่ 3 เรื่องหลัก
- Thought Leadership: สร้างการเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
- Confidence: การสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการ
- Drive Sale: การขยายฐานลูกค้าเพื่อสร้างยอดขายทั่วประเทศ
โดย AJ EV วางเป้าในปี 2568 ด้วยยอดขายที่เติบโตมากกว่า 200% ผ่านสินค้ารุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึง การเข้าร่วมโครงการเงินอุดหนุนส่วนลด เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
สำหรับกลยุทธ์หลักของ AJ EV จะเน้นไปที่การสร้างความเชื่อมั่นของแบรนด์ โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัดและการลดมลภาวะต่อโลก เพื่อให้ AJ EV กลายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่คนไทยให้ความไว้วางใจได้ พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ระดับสากลและการบริการหลังการขายที่มั่นใจได้
เข้าถึงทุกความต้องการของผู้บริโภค
จากการวิจัยของ AJ พบว่า ความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ทั้ง
- กลุ่มที่ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไรเดอร์หรือกลุ่มคนทำงานที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปทำงานทั้งใกล้และไกล
- กลุ่มที่ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มสีสันของชีวิต ทั้งการออกทริปเดินทางและความชอบส่วนตัว
ยังได้มีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาที่จะช่วยให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า AJ EV และช่วยสร้างความเชื่อมั่น ก้าวข้ามผ่านความกลัวในการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EV และกล้าที่จะลองเปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
โดยแบ่งการสื่อสารออกเป็น 3 ระยะ
- ระยะสั้น จะเน้นสร้างความน่าเชื่อถือด้วยกลยุทธ์ในการสร้างภาพลักษณ์และจุดยืนที่แตกต่างจากสินค้ารุ่นต่างๆ
- ระยะการ จะเน้นสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค
- ระยะยาว จะเน้นสร้าง ความเป็นผู้นำตัวจริงของ AJ EV ด้วยเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่คนไทยนึกถึง เป็นอันดับแรก เมื่อคิดจะซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่น
ไม่เพียงแค่การปรับโลโก้และกลยุทธ์ใหม่ แต่ AJ EV ยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าถึง 5 รุ่น โดยสามารถแบ่งสินค้าออกได้เป็น 3 ระดับ ทั้ง
- ระดับเริ่มต้น โดยเจาะกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย
- ระดับใช้งานเป็นประจำ โดยจะเน้นสมรรถนะการขับขี่และฟังก์ชันการใช้งาน
- ระดับพรีเมี่ยม โดยจะเน้นไปที่กลุ่มที่ต้องการประสิทธิภาพขั้นสูงของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
สำหรับรถจักรยานยนต์ EV รุ่นใหม่ 5 รุ่น ประกอบไปด้วย
- AJ TAURUS กับมอเตอร์ขนาด 3,000 วัตต์ ทำความเร็งสูงสุดที่ 80 กม./ชม. ระยะทาง 75-80 กม. ราคา 3x,xxx บาท
- AJ FLIX กับมอเตอร์ขนาด 3,000 วัตต์ ทำความเร็งสูงสุดที่ 90 กม./ชม. ระยะทาง 75-80 กม. ราคา 4x,xxx บาท
- AJ BEATS กับมอเตอร์ขนาด 3,000 วัตต์ ทำความเร็งสูงสุดที่ 80 กม./ชม. ระยะทาง 100 กม. ราคา 5x,xxx บาท
- AJ GODDESS กับมอเตอร์ขนาด 3,000 วัตต์ ทำความเร็งสูงสุดที่ 90 กม./ชม. ระยะทาง 75-80 กม. ราคา 6x,xxx บาท
- AJ NCV กับมอเตอร์ขนาด 5,000 วัตต์ ทำความเร็งสูงสุดที่ 110 กม./ชม. ระยะทาง 110-120 กม. ราคา 19x,xxx บาท
นอกจากนี้ AJ EV ยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีแบบประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มระยะทางในการขับขี่ให้ไกลมากขึ้นมีความปลอดภัยสูง ในรูปแบบ Solid State ซึ่งช่วยให้สามารถชาร์จเต็มประสิทธิภาพ 0-100% ภายใน 5-10 นาที โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Solid State จะเปิดตัวในช่วงปี 2568 ที่สำคัญ ยังมีการติดตั้งแบตเตอรี่ Solid State ในรถจักรยานยนต์ต้นแบบ I AM AJ และสามารถเร่ง 0-50 กม.ได้ใน 2.8 วินาที ที่สามารถคว้ารางวัล Reddot Design 2024 รวมไปถึงยังมีการพัฒนา Application ที่ช่วยให้การขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ถือเป็นการเข้าสู่ตลาด EV ได้อย่างถูกเวลา ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีความต้องการใช้รถจักรยานยนต์ EV เป็นจำนวนมาก และยังสามารถเข้ามาแก้ไข Pain Point ในเรื่องของความเชื่อมั่นการใช้รถจักรยานยนต์ EV ซึ่งต้องจับตาต่อไปว่า เมื่อแบตเตอรี่ Solid State ถูกนำมาใช้งาน จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้มากน้อยขนาดไหน