ในอดีตเวลาที่เราพูดถึงบ้าน มักจะหมายถึงที่อยู่อาศัยพื้นที่ส่วนตัวที่แยกออกขาดจากชีวิตการทำงาน หรือความวุ่นวายในชีวิตประจำวันสู่การพักผ่อนที่เงียบสงบสบาย แต่วันนี้บ้านในภาพจำเดิมเปลี่ยนไป เมื่อความต้องการของผู้บริโภคและวิถีชีวิตเปลี่ยนไป บ้านจึงไม่ใช่แค่สถานที่พักผ่อนแต่ต้องสะดวกสบาย ภายใต้เงื่อนไขของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีพร้อมทุกสิ่ง นั่นทำให้รูปแบบที่พักอาศัยในสไตล์ Mixed-Use ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือเกมรุกที่แบรนด์อสังหาฯ รายใหญ่ต้องลงสนาม
โครงการ Mixed-Use แต้มต่อของ CPN
ปี 2568 ไม่ได้เป็นอีกปีที่ท้าทายตลาดอสังหาฯ ด้วยภาวะดอกเบี้ยสูง ค่าก่อสร้างปรับขึ้น และการแข่งขันจาก Developer รายใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและฟังก์ชันสุดล้ำเข้ามาจับตลาดกลางถึงบน แต่ในอุปสรรคก็ยังมีโอกาส เมื่อ Central Pattana หรือ CPN ใช้จุดแข็งของเครือเซ็นทรัลเปิดเกมรุกครั้งใหญ่ ด้วยแนวคิด Mixed-Use ที่ไม่ใช่แค่การแก้โจทย์การตลาดอสังหาฯ แต่เป็นการสร้างเกมรุก
โมเดล Retail-Led Mixed-Use Development ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ Central Pattana ตัดสินใจใช้เป็นแกนกลางของการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะการมีจุดแข็งในด้านศูนย์การค้า (Retail Core) การนำกลยุทธ์ Mixed-Use มาขยายไปสู่คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม อาคารสำนักงาน และโรงแรม จึงแทบไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด แต่ต่อยอดจากสิ่งที่มี พร้อมเพิ่มมูลค่าพื้นที่ และสร้าง ecosystem การใช้ชีวิตรอบด้านในพื้นที่เดียวกัน
โดยในปี 2568 มีการใช้เม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 16,000 ล้านบาทใน 9 โครงการสำคัญทั้งแนวสูงและแนวราบ โดยความท้าทายคือการทำให้โครงการแต่ละแห่งตอบโจทย์ในบริบทที่ต่างกัน ทั้งเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว หรือจังหวัดดาวรุ่ง เพียงแค่ไตรมาสแรกของปี 2568 Central Pattana สามารถทำรายได้รวมกว่า 12,000 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพของโมเดล Retail-Led Mixed-Use Development ที่ Central Pattana ใช้เป็นกลยุทธ์หลัก
เปิดเกมรุก 9 โครงการ บุก กทม.-หัวเมืองหลัก
ตอกย้ำภาพการเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ระดับ Top ของไทย ในปีนี้ Central Pattana Residence ได้เปิดตัวโครงการใหม่ 9 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท กระจายครอบคลุม 21 จังหวัด โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และหัวเมืองใหญ่ ภายใต้ 3 แบรนด์หลักทั้ง ESCENT, BAAN NIRADA และ PHYLL ที่ถูกจัดวางให้เป็น Flagship ครอบคลุมทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม
- ESCENT โครงการคอนโดบนหัวเมืองศูนย์กลาง ซึ่ง ESCENT เป็นแบรนด์คอนโดระดับกลางถึงพรีเมียม ที่มีจุดแข็งด้านทำเลติดห้าง Central และมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน รองรับกลุ่มคนวัยทำงานในเมือง เช่น ESCENT รังสิต, ESCENT บางนา ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้
- BAAN NIRADA โครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ร่วมสมัย สำหรับโครงการ BAAN NIRADA เป็นการนำแนวคิด “บ้านที่อยู่แล้วภูมิฐาน” มาพัฒนาภายใต้ Design ที่ทันสมัย โปร่ง โล่ง และมีพื้นที่สีเขียวเยอะ ออกแบบด้วยแนวคิด Organic Modern Design ที่หรูหราแต่ใกล้ชิดธรรมชาติ เจาะกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยในระดับ Super Luxury เริ่มต้นที่หลังละ 25 ล้านบาท
- PHYLL ทาวน์โฮมสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยโครงการ PHYLL ที่พักอาศัยของคนเมืองที่ต้องการพื้นที่ชีวิตที่ยืดหยุ่น ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่ออกแบบให้ปรับเปลี่ยนได้ทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงาน โดยปีนี้จะมีการเปิดตัว PHYLL ที่เชียงใหม่, ขอนแก่น และศรีราชา
นอกจากทั้ง 3 แบรนด์หลักแล้ว ยังมีโครงการใหม่ในหัวเมืองรอง เช่น อยุธยา อุบลราชธานี ระยอง ที่ถูกวางให้เป็นจุดเริ่มของการขยายโครงการแบบ Cluster Living เต็มรูปแบบ
กลยุทธ์ของ Central Pattana Residence คือการเชื่อมโยงการใช้ชีวิตเข้ากับศูนย์การค้า (Retail-Led) พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมตั้งแต่ First Jobber จนถึง Multi-Generation Family ที่ไม่ใช่แค่ความหรู แต่ต้องใช้งานได้จริง มีฟังก์ชั่นล้ำหน้า และมีบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้ เพราะทุกโครงการจะมีทีมบริหารนิติบุคคลของ Central เข้ามาดูแลเองทั้งหมด
สูตรลับ 3+3 ข้อคิดให้ลึกก่อนลงเสาเข็ม
สำหรับเป้าหมายของ Central Pattana ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่อยู่อาศัยกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งใจขยายโครงการรวมเป็น 51 โครงการภายในสิ้นปี กระจายตัวใน 21 จังหวัดทั่วไทย แบ่งออกเป็นทั้งโครงการบ้าน 20 แห่งและคอนโดมิเนียมอีก 31 แห่ง
นอกจากโครงการใหม่จะน่าสนใจแล้ว Central Pattana Residence ยังไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้พัฒนาอสังหาฯ อีกต่อไป แต่ต้องการยกระดับสู่ “Lifestyle Creator” ที่สร้างชีวิตแบบใหม่ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก
- Location-Led Strategy: ด้วยการเลือกทำเลที่มีศูนย์การค้า Central เป็นจุดศูนย์กลาง แล้วพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรอบๆ พื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง สามารถเดินถึงห้าง โรงเรียน โรงพยาบาล และระบบขนส่ง
- Brand Portfolio Strategy: ผ่านการแตกแบรนด์ให้ชัดเจนทั้ง ESCENT, PHYLL, BAAN NIRADA เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และกำลังซื้อที่แตกต่างของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การใช้แบรนด์เดียวครอบคลุมทั้งตลาด แต่ต้องทำให้แต่ละแบรนด์มีภาพคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและโดดเด่น
- Customer-Centric Experience: ธุรกิจอสังหาฯ ไม่ใช่แค่ขายบ้านอีกต่อไป แต่ต้องสร้างประสบการณ์ก่อนและหลังการขาย เช่น แพลตฟอร์ม One Home, บริการ Smart Living, พื้นที่ส่วนกลางแบบ Co-living, การออกแบบที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะต่างๆ
ทั้ง 3 กลยุทธ์ถูกวางเชื่อมโยงกันเพื่อให้ทุกโครงการสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจและสามารถสร้างมูลค่าทางความรู้สึกให้กับผู้พักอาศัยได้ในเวลาเดียวกัน แต่เพียงแค่ 3 กลยุทธ์นี้อาจยังไม่เพียงพอ เพราะหัวใจสำคัญของการพัฒนาอสังหาฯ คือการสร้าง Quality Community ที่แท้จริงทั้ง 3 ด้านอย่าง
- Best Location: ทำเลที่ใช่ อยู่ใกล้ทุกอย่างที่จำเป็น
ด้วยพฤติกรรมผู้คนที่ต้องการความรวดเร็ว แต่ยังต้องสะดวกสบาย เพราะ “เวลา” เป็นสิ่งมีค่า นั่นคือเหตุผลที่ Central Pattana ลงทุนพัฒนาโครงการบนทำเลที่เชื่อมต่อตรงกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่การสร้างความได้เปรียบ แต่ยัง “เพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์” ในระยะยาว เพราะ “บ้านที่อยู่ใกล้ศูนย์การค้า” จะเป็น Rare Item มากขึ้นทุกปีในเมืองใหญ่
- Good Quality: มาตรฐานก่อสร้างและการดูแลแบบมืออาชีพ
เพราะบ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นทรัพย์สินและความมั่นคงของชีวิต Central Pattana จึงให้ความสำคัญกับ 2 มิติหลักของคุณภาพ ทั้งการก่อสร้างและการใช้วัสดุที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโครงการระดับ Luxury มีระบบ QC และตรวจสอบหลายชั้น และการใส่ใจระยะยาว โดยเฉพาะบริการหลังการขายแบบ Proactive ไม่ใช่แค่รอให้ลูกบ้านแจ้ง แต่มีระบบประเมินความพึงพอใจ ตอบสนองรวดเร็ว และมีแอปฯ สำหรับ Service Request เพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกว่ามีมืออาชีพดูแลตลอดเวลา
- Flexible Space: พื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนให้ชีวิตไม่ต้องปรับตัว
เพราะคนยุคนี้ไม่ได้ต้องการบ้านสวย แต่ต้องการบ้านที่อยู่ได้ในชีวิตจริงตลอดทุกช่วงชีวิต ทั้งแต่งงาน มีลูก เลี้ยงพ่อแม่ หรือทำงานที่บ้าน Central Pattana จึงออกแบบบ้านและคอนโดด้วยแนวคิดปรับพื้นที่ได้ทุกช่วงวัย ทั้ง Flexible Layout ห้องที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอด, Smart Storage ช่องเก็บที่ไม่กินพื้นที่, Multi-Use Corner พื้นที่ที่เปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามช่วงชีวิต, ระบบ MEP สำหรับติดตั้ง EV Charger หรือ Solar ในอนาคต
ทั้งหมดนี้คือการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่เริ่มมองหาความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัยมากกว่าการครอบครอง เป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี ecosystem ที่แข็งแรงเปิดโอกาสให้สร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงตั้งแต่ที่อยู่อาศัยถึงไลฟ์สไตล์ได้มากกว่าคู่แข่ง
และสำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านที่มากกว่าแค่การอยู่อาศัย Central Pattana จัดงานใหญ่ IMAGINING BETTER LIVING วันที่ 29 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2568 ที่ CentralWorld ชั้น 1 โซน Central Court พร้อมไฮไลต์อย่างส่วนลดสูงสุด 6 ล้านบาท สำหรับบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 1.39 – 52 ล้านบาท นอกจากนี้รับคะแนน The 1 สูงสุด 100,000 พ้อยต์ และฟรี Central Gift Voucher 5,000 บาท