
“เจ้านาง” (Chaonang) แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่สร้างชื่อจากกระแส “แป้งพัฟสงกรานต์” ที่ผู้บริโภคยอมรับเรื่องความติดทนทานน้ำ ประกาศแผนรีแบรนด์ครั้งสำคัญในปี 2569 เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และคนทำงานรุ่นใหม่ ท่ามกลางตลาดความงามไทยที่มีมูลค่าสูงถึง 170,000 ล้านบาท
สลัดภาพ “แบรนด์โต” สู่ความทันสมัยที่ทุกคนเข้าถึงได้
ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เจ้านางเติบโตจากกลุ่ม Niche จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลัก ทั้งนี้อินไซต์จากผู้บริโภคสะท้อนว่าภาพลักษณ์เดิมอาจดู “แก่” ในสายตาคนรุ่นใหม่ ในปี 2569 เจ้านางจึงใช้กลยุทธ์ “เปลี่ยน-เพิ่ม-สร้าง” เพื่อพลิกโฉมแบรนด์
- เปลี่ยนภาพลักษณ์: ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ใหม่ทั้งหมด ทั้งดีไซน์ วัสดุ ฟังก์ชัน และการใช้ฟอนต์ภาษาอังกฤษเพื่อให้ดูสากลและน่าหยิบใช้มากขึ้น
- เพิ่มการสื่อสาร: ขยายช่องทางดิจิทัลและหน้าร้าน รวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่มีคาแรกเตอร์น่ารัก ขี้เล่น อย่าง “เก่ง-น้ำปิง” เพื่อสร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า
- สร้างประสบการณ์: มุ่งเน้นการเป็น Community-Driven ที่เปิดให้ผู้ใช้จริงมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เจาะตลาด Mass Premium ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผิวคนไทย
เจ้านางวางตำแหน่งตัวเองเป็นแบรนด์ Mass Premium ในราคาที่เข้าถึงได้ (59 – 599 บาท) เพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างแบรนด์ Mass ทั่วไปและแบรนด์ระดับบน
- โปรดักต์เรือธง: หลังจากความสำเร็จของ “แป้งพัฟโกลว์สกิน” ที่ตอบรับเทรนด์ผิวโกลว์สุขภาพดี เจ้านางเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในปีหน้าอีก 8-10 รายการ
- ขยายสู่สกินแคร์: เตรียมรุกตลาดสกินแคร์เต็มรูปแบบในปี 2569 เช่น เซรั่ม และครีมแบบซอง
- กลยุทธ์ขนาดพกพา: เน้นทำสินค้าแบบซองราคา 59 บาท วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven และ CJ More เพื่อตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน
เสริมรากฐานการผลิตและเป้าหมายสู่ “พันล้าน”
เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์โกลบอลได้ เจ้านางได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง
- โรงงานของตัวเอง: เปิดโรงงานใหม่ที่จังหวัดขอนแก่นด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อควบคุมคุณภาพ แม้ปัจจุบันจะยังใช้การผลิตแบบ OEM ประมาณ 90% จากทั้งไทย จีน และเกาหลี เพื่อดึงจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้
- เป้าหมายรายได้: ในปี 2568 คาดว่าจะปิดยอดขายที่ 400 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวเป็น 800 ล้านบาทในปี 2569 โดยมีเป้าหมายระยะยาวสู่ระดับ 1,000 ล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ก้าวไกลสู่ตลาดเอเชีย
นอกจากการขยายสาขาออฟไลน์ในไทย เจ้านางยังเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน จีน (เจาะกลุ่มมณฑลและออนไลน์), สปป.ลาว และเมียนมา ด้วยความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจากอินไซต์คนไทยที่ต้องเจอสภาพอากาศร้อนชื้น จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในเอเชียได้ดีกว่าแบรนด์ระดับโลก

