ไม่ธรรมดาแน่นอนเมื่อแบรนด์ที่ฉลองครบรอบ 141 ปี ไปแล้วอย่างไปรษณีย์ไทย จะรักษาฐานะผู้นำในตลาดโลจิสติกส์ ด้วยกลยุทธ์ “Parcel Defined Logistics” หรือการออกแบบระบบขนส่ง ให้รับรองรับพัสดุทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นของส่งทางไกลไปยังต่างประเทศ ของใหญ่ ของหนัก ของสด ผลไม้ ต้นไม้ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิต อย่างเช่น ปลากัด และนอกจากความโดดเด่นด้วยเครือข่ายจุดให้บริการกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ ยังมีระบบติดตามสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการเสริมที่ครบครัน ทั้งบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) บริการ EMS รับประกัน คุ้มครองสิ่งของมีมูลค่าสูงสุดถึง 50,000 บาท อีกทั้งยังมี THP Contact Center 1545 รวมถึงสายด่วน เบอร์พี่ไปรฯ 1505 ที่เป็นเลขหมายกลางสำหรับบุรุษไปรษณีย์หรือพี่ไปรฯ ใช้ติดต่อผู้รับ จดจำง่าย มั่นใจได้ว่าเป็นพี่ไปรฯ ตัวจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ
วันนี้ ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริการ EMS ด้วยแคมเปญที่อธิบายการปรับตัวรับความต้องการที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจและจดจำได้ง่าย
แคมเปญนี้มีชื่อน่ารักว่า “พัสดุใจ” ไอเดียของแคมเปญตอกย้ำว่า ไปรษณีย์ไทยเป็นมากกว่าผู้ให้บริการส่งพัสดุและยังเป็น “ตัวแทนส่งความรู้สึกดีๆ” ระหว่างผู้คน แคมเปญนี้ถ่ายทอดผ่านหนังสั้น ทุกเรื่องราวสอดคล้องกับตัวเลขการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริการ EMS โดยในปี 2567 บริการ EMS เติบโตถึง 6.99% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 42.76% ของรายได้ทั้งหมด
เล่าความเก๋า บนจุดแข็งเป็นมิตร
ก่อนจะมีแคมเปญนี้ ไปรษณีย์ไทยถูกมองว่ากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในวันที่โลกเปลี่ยนไป ด้วยความที่คนไทยหันไปช็อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามาก แถมการส่งจดหมายแบบเดิมก็ลดน้อยลงไป เนื่องจากทุกคนมีมือถือ มีอินเทอร์เน็ต
แต่ในฐานะผู้นำ ไปรษณีย์ไทยมองเห็นจุดแข็งของตัวเอง นั่นก็คือภาพจำของบุรุษไปรษณีย์ในสายตาคนไทย ที่น่าไว้วางใจ น่าเชื่อถือ แถมยังคุ้นเคยกับสังคมไทยเป็นอย่างดี มีความเป็นมิตร จนคนไทยกล้าเปิดประตูบ้านต้อนรับ ซึ่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้มันไม่ได้สร้างกันง่ายๆ แต่สั่งสมมาจากการให้บริการมายาวนานของไปรษณีย์ไทย
ความผูกพันกับชุมชนและสังคมที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น คือฐานที่ไปรษณีย์ไทยเลือกที่จะนำมาตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริการ “EMS ส่งด่วน” ผ่านแคมเปญใหม่ โดยที่ผ่านมา EMS เป็นผู้นำในตลาดโลจิสติกส์ได้เพราะการเน้นไปที่การพัฒนาบริการขนส่งที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ผลจากกลยุทธ์ “Parcel Defined Logistics” ที่ลูกค้าสามารถส่งอะไรก็ได้ ได้แก่ EMS Jumbo ส่งด่วนของใหญ่ ของหนัก ส่งของบิ๊กเบิ้มน้ำหนักมาก EMS World ส่งด่วนทั่วโลก และ EMS ส่งด่วนผลไม้ ส่งของสดอย่างผลไม้ตามฤดูกาล
แคมเปญ “พัสดุใจ” สื่อสารกับคนไทยว่า ไปรษณีย์ไทยไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงผู้ให้บริการส่งของอีกต่อไป แต่เป็นตัวแทนส่งความรู้สึกดีๆ ระหว่างกัน แปลว่าไปรษณีย์ไทยเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การขนส่ง เป็นการเชื่อมโยงความรู้สึกซึ่งไปรษณีย์ไทยไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่ยังคงพัฒนาบริการ EMS ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ต่อเนื่อง
อย่างที่บอกไป นอกจากการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งด้วยจุดให้บริการกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงระบบติดตามสถานะแบบเรียลไทม์ ก้าวต่อไปของไปรษณีย์ไทยในปี 2568 นั้นยิ่งน่าจับตามองมากขึ้นไปอีก เพราะอีคอมเมิร์ซไทยคาดว่าจะเติบโตอีกถึง 19% คิดเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้ประกาศชัดเจนว่า พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการ รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และตั้งเป้าที่จะขยายส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง
ครบเครื่องเรื่องส่งต่อความรู้สึกดีๆ
กลับมาที่แคมเปญ “พัสดุใจ” อีกครั้ง ต้องบอกว่าหัวใจสำคัญของแคมเปญนี้คือการเน้นย้ำว่าบริการของไปรษณีย์ไทยนั้นเป็นมากกว่าการส่งพัสดุ แต่คือการ “ส่งต่อความรู้สึกดีๆ” ผ่านพี่ๆ บุรุษไปรษณีย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์บริการ ซึ่งทุกคนทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจ และตั้งใจที่จะส่งต่อความรู้สึกจากผู้ส่งไปยังผู้รับอย่างแท้จริง
ในส่วนของหนังสั้น แคมเปญนี้เรียกความประทับใจด้วย 4 เรื่องราวที่สะท้อนการส่ง EMS ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น EMS World ที่แสดงให้เห็นว่าระยะทางไม่ใช่ปัญหาในการส่งต่อความห่วงใย EMS Jumbo กับการส่งของชิ้นใหญ่ที่มีคุณค่าทางใจ และ EMS ส่งด่วนผลไม้ ที่สื่อถึงความห่วงใยของคู่หูพี่น้องผ่านผลไม้แห่งความคิดถึง ซึ่งทั้งหมดมีการรวมไว้เป็นหนังสั้นเวอร์ชันมิกซ์รวมเรื่องราวที่สะท้อนถึงการส่งพัสดุด้วยหัวใจของพี่ๆ บุรุษไปรษณีย์
เท่านั้นยังไม่หมด ไปรษณีย์ไทยยังใช้ Billboard ในการเล่าถึงพลังของ EMS World EMS Jumbo และ EMS ส่งด่วนผลไม้ ได้อย่างเฉียบคม หลายคนร้องว้าวเพราะ Billboard แสดงให้เห็นเลยว่าไปรษณีย์ไทยสามารถส่งของใหญ่อย่างมอเตอร์ไซค์ได้ แถมยังมีปฏิบัติการ Hijack ขโมยซีนยึดป้ายโฆษณาในตลาด อ.ต.ก. เพื่อการันตีความแรงของบริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ รวมถึงป้ายที่โชว์บริการ EMS ที่ครอบคลุมการจัดส่งไปยัง 95 ประเทศทั่วโลก 106 ปลายทาง ส่งได้ทั้งเอกสาร (ไม่เกิน 5 กก.) และพัสดุ (สูงสุด 30 กก.) แถมยังมีบริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านอีกด้วย
สิ่งที่สามารถสัมผัสได้จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือไปรษณีย์ไทยไม่เคยหยุดนิ่งที่จะปรับตัวและพัฒนาตัวเองในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นโดยไม่ได้ยึดติดกับภาพจำเดิมๆ แต่สามารถนำเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาต่อยอด สร้างสรรค์บริการและแคมเปญที่เข้าถึงใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง.
#ไปรษณีย์ไทย #ส่งทุกความสัมพันธุ์สู่ทุกความสำเร็จ #EMSWorld #EMSJumbo #EMSส่งด่วนผลไม้ #EMS #พัสดุใจ #มากกว่าพัสดุคือใจที่ให้กัน