
ทุกวันนี้บทบาทของ ‘ผู้นำ’ ที่เก่งอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนธุรกิจอีกต่อไปแล้ว แต่ต้องเป็นคนที่สามารถสร้างคุณค่าร่วมที่เชื่อมโยงความสำเร็จทางธุรกิจเข้ากับการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม ในโลกที่ความเก่งกลายเป็นมิติเดียวของผู้นำ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ผู้นำที่ ‘เก่งและดี’ จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่างและความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
โครงการ IMET MAX (IMET Mentorship Academy for Excellent Leaders) ซึ่งริเริ่มโดยมูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย (IMET) ได้ตอกย้ำถึงแนวคิดนี้มาอย่างต่อเนื่องตลอด 7 รุ่นที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการส่งต่อ ปัญญา เพื่อพัฒนาชีวิตและสังคม (Wisdom for Life and Social Values) ให้แก่ผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารที่รอบด้าน
การ Mentoring ที่ชวนผู้บริหารคิด และลงมือทำจริง
หัวใจสำคัญที่ทำให้โครงการ IMET MAX แตกต่างจากหลักสูตรพัฒนาผู้นำทั่วไปคือ กระบวนการ Mentoring ที่เป็นมากกว่าการบรรยาย หรือมอบคำตอบสำเร็จรูป แต่ชวนผู้เข้าร่วมโครงการมา ‘ช่วยกันคิด’ ผ่านการระดมสมอง และหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างลึกซึ้ง

โดยคุณธนพล ศิริธนชัย กรรมการมูลนิธิ IMET และประธานโครงการ IMET MAX กล่าวว่า พลังของการชวนคิด และช่วยคิด ผ่านกระบวนการ Mentoring ที่ช่วยพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ผ่านการตั้งคำถาม ทำให้สามารถนำความรู้ประสบการณ์จากเมนเทอร์ไปเป็นรากฐานการเติบโตในแบบฉบับของตัวเองได้
ในโครงการผู้เข้าร่วมจะได้ร่วมหลักสูตรการอบรมมากมาย เช่น
- Reflection: เมนเทอร์ (Mentor) ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง และผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ จะทำหน้าที่เปิดพื้นที่ปลอดภัย ให้เมนที (Mentee) ได้ทบทวนความคิด ความเข้าใจ และความรับผิดชอบของตนเอง
- Life & Business Wisdom: เมนเทอร์จะถ่ายทอดความรู้ แนวคิด และประสบการณ์อันทรงคุณค่า ทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิต ช่วยให้เมนทีได้มุมมองใหม่ ๆ ในการจัดการกับโจทย์ชีวิตและงานที่ซับซ้อนขึ้น

- ผลลัพธ์ทางธุรกิจและสังคม: ด้านคุณเพ็ญประภา ตระกูลกิจเจริญ (Mentee รุ่น 7) กล่าวไว้ กระบวนการนี้ช่วยให้การตัดสินใจของผู้นำเปลี่ยนไป พร้อมโฟกัสกับ Work-Life Purpose หรือการที่สิ่งที่ทำมีความหมายและสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณค่าที่สร้างพลังให้กับสังคมได้อย่างยิ่ง

ในมุมมองของอาจารย์แพทย์ และผู้บริหารอย่าง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ หนึ่งใน เมนเทอร์ ของโครงการ IMET MAX รุ่นที่ 7 มองว่า การพัฒนาคนเเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุด โดยโครงการ IMET MAX เป็นเหมือนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกันผ่านกระบวนการ ‘Mentoring’ ที่ทั้งเมนเทอร์ และเมนทีได้เรียนรู้จากกันและกัน
Wisdom for Life and Social Values สร้างผลกระทบเชิงบวกให้องค์กรในระยะยาวได้อย่างไร?
ในมุมมองของธุรกิจและการตลาด การสร้างผู้นำที่มี ‘Wisdom for Life and Social Values’ คือการสร้างแบรนด์องค์กรให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในระยะยาว
1. การดึงดูดบุคลากรคุณภาพ: ผู้นำที่ครบเครื่องทั้งความสามารถทางธุรกิจและจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ย่อมเป็นแรงดึงดูดสำคัญให้บุคลากรที่มีคุณภาพ และมีค่านิยมเดียวกันอยากเข้ามาร่วมงานด้วย
2. การสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: เครือข่าย ‘อุทยานผู้นำ’ ของ IMET MAX ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผู้นำจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสังคมกว่า 240 คน เป็นเสมือนระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่คอยซัพพอร์ตกันอยู่เสมอ
3. การสร้างความยั่งยืน: ภายใต้พันธกิจของมูลนิธิ IMET ที่มุ่งพัฒนาผู้นำให้มีการจัดการที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ผู้นำที่เติบโตมาจากหลักสูตรนี้จึงมักมุ่งสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance)

คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานมูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่ง ประเทศไทย (IMET) เผยว่า “ทางมูลนิธิฯ ให้การสนับสนุนโครงการ IMET MAX มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รุ่นที่ 1 จนถึงรุ่นที่ 7 โดยมีเป้าหมายหลักในการบ่มเพาะผู้นำรุ่นใหม่ให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่ครบเครื่อง ทั้งในด้านความเป็นเลิศทางธุรกิจและมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ความสำเร็จในการพัฒนาผู้นำแต่ละรุ่นเป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยโครงการดังกล่าวเป็นหลักสูตรที่มูลนิธิฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด และเตรียมเปิดรับรุ่นที่ 8 เพื่อต่อยอดแนวทางในการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เป็นทั้ง “คนเก่ง” และ “คนดี” สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคมอย่างแท้จริง”
IMET MAX เปิดรับสมัครรุ่นที่ 8

โดยล่าสุด มูลนิธิ IMET ได้เดินหน้าสานต่อโครงการ IMET MAX รุ่นที่ 8 โดยได้รับเกียรติจาก 12 ผู้บริหารชั้นนำของประเทศ อาทิ คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานมูลนิธิ IMET คุณธนพล ศิริธนชัย ประธานโครงการ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ และผู้บริหารระดับสูงท่านอื่นๆ ซึ่งทุกคนอุทิศตนมาเป็นเมนเทอร์โดยไม่รับผลตอบแทน
โครงการ IMET MAX รุ่นที่ 8 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่อายุระหว่าง 35-45 ปี จากหลากหลายอาชีพ เช่น ผู้นำธุรกิจ ทายาทธุรกิจ ข้าราชการ ผู้บริหารบริษัทเอกชน และผู้นำองค์กรธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งเปิดให้สมัครตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 – 14 มกราคม 2569 และผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากมูลนิธิ IMET
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.imet.or.th/imetmax และสำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าโครงการ IMET MAX รุ่นที่ 8 สามารถเข้ากรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่ https://tinyurl.com/imetmax8-application
