สรุปภาพธุรกิจ ‘LINE MAN Wongnai’ และทิศทางร้านอาหาร 2026 พร้อมส่อง ‘เมนูที่สุดแห่งปี’ รักมัตจะ-ไม่เทของแซ่บ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในยุคที่เน้นความสะดวกสบาย การสั่งอาหารดิลิเวอรีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเป็นทางรอดของร้านอาหารที่ทำให้สร้างยอดขาย และขยายการเติบโตของธุรกิจได้ แต่ด้วยสถานการณ์ของตลอดทั้งปี 2025 กลายเป็นความท้าทายที่กดดันร้านอาหารอย่างหนัก ด้าน LINE MAN Wongnai แอปดิลิเวอรีขวัญใจชาวไทย จึงได้นำอินไซต์ที่สะท้อนภาพธุรกิจร้านอาหาร รวมถึงเทรนด์พฤติกรรมการกินของคนไทย และเมนูที่ยอดนิยมแห่งปีมาฝากกันด้วย

 

จากยอดติดลบ สู่การค่อยๆฟื้นตัวในปลายปี

 

ในด้านยอดขาย เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ช่วง Q1 -2% ก่อนจะร่วงหนักที่ -14% ใน Q2 และค่อยๆ ดีขึ้นใน Q3 และ Q4 ที่โต +1% และ +5% ตามลำดับ ด้านคุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไลน์แมน วงใน (LINE MAN Wongnai) มองว่า เป็นผลมาจากโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่ช่วยหนุนกำลังซื้อของชาวไทย

ถึงแม้ช่วงปลายปีร้านอาหารเริ่มกลับมาฟื้นตัว ทำให้มีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 3% แต่เมื่อเจาะลึกไปในข้อมูลจะพบว่าร้านอาหารถึง 50 % ต้องปิดตัวลงใน 1 ปี ซึ่งหมายความว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง

 

กำลังซื้อเงาสะท้อนของเศรษฐกิจไทย

 

เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้กำลังซื้อลดลง ส่งผลให้ยอดการสั่งซื้อต่อบิลที่ต่ำกว่า 500 กลับมาฟื้นตัว +5% จาก Quarter 2 ( -12%) เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ในส่วนของยอดการสั่งซื้อต่อบิลที่มากกว่า 500 กลับมาฟื้นตัว +4% จาก Quarter 2 ( -14%) เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เห็นได้ว่าบิลที่ต่ำกว่า 500 ฟื้นตัวดีกว่า บิลที่สูงกว่า 500 สะท้อนว่าคนไทยหันมาซื้ออาหารที่เน้นความคุ้มค่ามากขึ้น

ด้านสถานการณ์ร้านอาหารต่างจังหวัดฟื้นตัว +7% จาก Quarter 2  (-11%) เนื่องจากการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว และโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่เป็นแรงกระตุ้น ในขณะที่กรุงเทพฯ ฟื้นตัวได้ +2% จาก Quarter 2 ( -16%)

โดยพื้นที่ Hotspot ย่านบรรทัดทอง -21% จาก Quarter 2  (-35%) สะท้อนให้เห็นว่าร้านอาหารยังต้องต่อสู้กับการแข่งขันและต้นทุนที่สูงต่อเนื่อง และคุณยอดมองว่า ตอนนี้บรรทัดทองกำลังเข้าสู่ช่วง Selection และที่เห็นว่ายอดตกลงแรงเป็นเพราะเมื่อปี 2024 เคยพีคสูงมาก จึงไม่แปลกที่จะดูเหมือนตกลงเยอะ

 

คนละครึ่ง ส่วนหนึ่งของการเติบโต

 

จากข้อมูลของไลน์แมนพบว่า ออเดอร์คนละครึ่งมียอดรวมกว่า 8 ล้านออเดอร์ เพิ่มขึ้น 41% ทำให้ยอดขายร้านค้าโตเฉลี่ย 4 เท่า และมีกว่า 3,000 ร้านที่มียอดขายโตมากกว่า 10 เท่า

 

สรุปมาแล้ว! เมนูที่สุดแห่งปี 2025

 

– เมนูฮิตติดกระแส – แน่นอนว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “มัตจะ” จากกระแสมัตจะฟีเวอร์ ทำให้มียอดสั่งกว่า 6.5 ล้านแก้ว และเติบโตทะลุ 300 % ตามมาด้วยไอศกรีม และชิโอะปัง ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

– เมนูยอดสั่งสูงสุด – เชื่อว่าเป็นเมนูที่อยู่คู่กับคนไทย นั่นคือ “ส้มตำปูปลาร้า” เมนูฮิตยอดฮิตตลอดกาล ตำมาแล้วกว่า 8 ล้านครก ตามมาด้วยข้าวผัด และไก่ทอด เมนูอร่อยง่ายๆ ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

– เครื่องดื่มฮิตแห่งปี – อันดับที่ 1 คือ “ชาเขียวนม” เป็นกระแสมาจากมัตจะทำให้ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ตามมาด้วยแบล็คคอฟฟี่ และเอสเปรสโซ่ เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในทุกเช้า

– ข้าวแกงยอดนิยม – เมนูที่คนไทยสั่งเยอะที่สุด คือ “หมูทอด” ตามมาด้วยไข่พะโล้ และแกงคั่ว ร้านข้าวแกง ตอบโจทย์คนยุคใหม่ อิ่มอร่อยได้ในวันที่เร่งรีบ

– เทรนด์เซิร์ช 2025 – “ส้มตำ,ยำ,หม่าล่า” แน่นอนว่าคนไทยกับของแซ่บเป็นของคู่กันทำให้มียอดเซิร์ชกว่า 16 ล้านครั้ง ตามด้วย ก๋วยเตี๋ยว,เย็นตาโฟ,ราดหน้า และอาหารตามสั่ง,จานเดียว,ข้าวแกง

 

การสั่งอาหารจากแอปดิลิเวอรีไม่ได้สื่อถึงความสะดวกสบายอย่างเดียว ทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่ทำให้ยอดขายของร้านอาหารเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารยังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง การแข่งขันสูง ต้นทุนที่สูงขึ้น และการปรับตัวของการเลือกซื้ออาหารที่คุ้มค่าของผู้บริโภค

แม้กระแสอาหารใหม่ๆ มาเรื่อยๆ เช่น มัตจะ ชิโอะปัง แต่ท่ามกลางกระแสใหม่ๆ มากมาย คนไทยยังคงสั่งส้มตำปูปลาร้าเป็นอันดับหนึ่ง บนแพลตฟอร์ม สะท้อนความนิยมของคนไทยที่ชอบอาหารรสจัด รสแซ่บ และนอกจากส้มตำแล้ว เมนูหมูทอดในร้านข้าวแกงยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ฮิตไม่แพ้กัน สุดท้าย ในด้านเครื่องดื่ม กระแสมัตจะได้ทำให้ชาเขียวนมกลับมาขายดีเป็นอันดับหนึ่งในหมวดเครื่องดื่ม


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE