ในยุคที่ชีวิตของคนไทยเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทายหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลด้านเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนในการทำงาน หรือแม้กระทั่งความห่วงใยต่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนที่เรารัก ผู้บริโภคยุคใหม่จึงไม่ได้มองหาเพียงแค่ประกันภัยที่ให้ “ความคุ้มครองทั่วไป” อีกต่อไป แต่พวกเขาต้องการแบรนด์ที่เข้าใจในความต้องการเฉพาะตัว และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระทางความคิดได้อย่างแท้จริง จากความเข้าใจนี้เอง MSIG ประกันภัย จึงได้นำเสนอแนวคิดใหม่ผ่าน แคมเปญ “คิดแทนให้” ที่ไม่ได้เป็นเพียงการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่เป็นการสะท้อนปรัชญาการทำงานที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละคน
เมื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดประกันภัยไทย จะพบว่าหลายคนยังคงติดกับดักการเลือกซื้อประกันภัยจากราคาเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด โดยไม่ได้พิจารณาคุณภาพบริการที่จะได้รับ ซึ่งมักนำไปสู่ความผิดหวังเมื่อต้องใช้บริการจริง จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่าผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับ “คุณค่าที่คุ้มค่า” มากกว่าราคาถูก และมองหาแบรนด์ที่สามารถให้บริการเต็มรูปแบบ
นี่คือจุดที่ MSIG ประกันภัย ดูเหมือนจะเข้าใจกลยุทธ์การตลาดได้ดี โดยไม่ได้เลือกที่จะแข่งขันด้วยราคาเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุดในตลาด แต่กลับโฟกัสที่การสร้างคุณค่าผ่านการให้บริการที่ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการให้คำปรึกษาก่อนซื้อ การดูแลระหว่างใช้บริการ และการให้บริการหลังการขาย อย่างการเคลมประกันภัย
ผลิตภัณฑ์ที่คิดขึ้นจากความเข้าใจ Insight ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
สิ่งที่น่าสนใจคือการวางตำแหน่งแบรนด์ของ MSIG ที่เปลี่ยนจากการเป็นเพียง “ผู้ให้ความคุ้มครอง” ไปสู่การเป็น “เพื่อนช่วยคิด” ซึ่งสะท้อนถึงการเข้าใจ Insight ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการพันธมิตรที่สามารถให้คำปรึกษา แนะนำทางเลือก และช่วยตัดสินใจในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต กลยุทธ์นี้ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาแต่ละผลิตภัณฑ์ พร้อมกับบริการเสริมที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละกลุ่ม มาดูกันว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ของ MSIG จะ “คิดแทนให้” ลูกค้าอย่างไร และมีบริการพิเศษอะไรบ้างที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น
สำหรับ 3 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของ MSIG ประกันภัย มีดังนี้
1.ประกันภัยการเดินทางเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ MSIG OVERSEAS STUDENT
ผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าใจจิตวิทยาของผู้ปกครองไทยที่ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งมักจะมีความกังวลเรื่องการเดินทาง สุขภาพและความปลอดภัยของบุตรหลาน MSIG ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการคุ้มครองค่าชดเชยในการสูญเสียค่าเล่าเรียน การเจ็บป่วยเล็กน้อยจนถึงการเจ็บป่วยรุนแรง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเยี่ยมลูกที่นอนป่วยในโรงพยาบาลในต่างประเทศ และความคุ้มครองเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงปิดเทอม
สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่มบริการ “หมอดี” แอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์ทางไกลที่สามารถพูดคุยเรื่องการเจ็บป่วยกับคุณหมอคนไทยได้ หรือถ้า Home Sick คิดถึงบ้านมากๆ สามารถรับบริการปรึกษาทางด้านสุขภาพจิตจากหมอดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ MSIG ประกันภัย เขายังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์และเดินทางในต่างประเทศ MSIG Assist 24/7 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการคิดเชิงบริการที่เกินกว่าการให้ความคุ้มครองแบบดั้งเดิม กลายเป็นการสร้างระบบดูแลแบบเรียลไทม์ที่ช่วยลดความกังวลของผู้ปกครอง
2.ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 MSIG ULTRA SAVE
ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นี้ แสดงให้เห็นถึงการทำความเข้าใจตลาดประกันรถยนต์ไทยที่ผู้บริโภคต้องการความคุ้มครองระดับสูง แต่ยังคงมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย MSIG ประกันภัย ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการกำหนดเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นในหลักพัน พร้อมให้ลูกค้าเลือกทุนประกันภัยเองได้สูงสุดถึง 500,000 บาท
จุดเด่นที่น่าสนใจคือการรับประกันภัยรถยนต์ที่มีอายุถึง 20 ปี ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้รถรุ่นเก่าที่ยังต้องการความคุ้มครองระดับสูง พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน MSIG Roadside Assistance ได้ตลอดเวลา 24/7 ทั่วประเทศ
3.ประกันภัยบ้านแทนรัก MSIG MY HOME SAFE
ผลิตภัณฑ์ประกันภัยบ้านนี้ สะท้อนถึงการเข้าใจพฤติกรรมของเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกครอบครัว สอดรับเทรนด์ใหม่ Pet Parents ซึ่งใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียด พร้อมกับโอบรับเทรนด์การตลาดยุคใหม่
ที่สำคัญ การกำหนดเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นวันละ 7 บาท เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ผู้บริโภคมองเห็นความคุ้มค่าที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน MSIG Home Assistance 24/7 ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเล็ก ๆ ในบ้าน เช่น ท่อแตก แอร์เสีย ไฟฟ้าขัดข้อง หรือจับสัตว์ดุร้ายที่ไม่พีงประสงค์ เป็นต้น เรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความใส่ใจและเข้าใจไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่แท้จริง
เมื่อวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์หลักทั้ง 3 ของ MSIG ประกันภัย จะพบว่าบริษัทได้นำแนวคิด ‘คิดแทนให้’ มาปรับใช้ในการพัฒนา 3 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ล้วนมีจุดขายที่เกินกว่าความคุ้มครองพื้นฐาน และชาญฉลาดในการคิดและการวางตำแหน่งแบรนด์ในโลกยุคใหม่ได้ ดั่งแนวคิดที่ว่า “ทุกเรื่องไม่คาดคิด MSIG คิดแทนให้หมดแล้ว”
“แคน อติรุจ กิตติพัฒนะ” แบรนด์แอมบาสเดอร์ปีที่ 2
มากไปกว่าการคิดออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ ‘คิดแทนให้’ แล้ว ในการสื่อสารทางการตลาด MSIG ประกันภัย ยังเลือกใช้กลยุทธ์ Endorser Marketing โดยการเลือกตัวแทนแบรนด์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ ได้แก่ คุณแคน อติรุจ กิตติพัฒนะ ซึ่งปีนี้ได้ร่วมงานกันเป็นปีที่ 2 แล้ว ทั้งนี้ การใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์คนเดิมต่อเนื่อง ช่วยสร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจที่สะสมมาจากปีก่อน ผู้บริโภคจะจดจำและเชื่อมโยง “คุณแคน” กับ MSIG ประกันภัย ได้ชัดเจนขึ้น
ที่สำคัญ ด้วยภาพลักษณ์ของ “คุณแคน” ที่เป็นคนรู้รอบ ในฐานะผู้ประกาศข่าวและพิธีกร ซึ่งตรงกับแนวคิด “คิดแทนให้” ของ MSIG ประกันภัย อย่างลงตัว เขาเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีความรู้และช่วยคิดให้ผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด เพราะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแม้แต่คนที่รู้ทุกเรื่องยังต้องการความช่วยเหลือ ทำให้แบรนด์ดูเข้าถึงได้มากขึ้น มากไปกว่านั้น ด้วยฐานแฟนคลับของ “คุณแคน” ยังเป็นคนวัยทำงานและคนมีครอบครัว ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของประกันภัย โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษาและมีอำนาจซื้อ ดังนั้น การใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์คนเดิม นอกจากจะทำให้ไม่ต้องสร้างความรู้จักใหม่ แต่ยังสร้างผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนได้ เป็นฐานในการต่อยอดแคมเปญใหม่ได้ การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นว่า MSIG ประกันภัย เข้าใจหลักการ “Consistency in branding” และรู้จักใช้ประโยชน์จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วอย่างชาญฉลาด
วิวัฒนาการแนวคิดแคมเปญ MSIG “จากความเชื่อมั่น สู่การเป็นผู้ช่วยคิด”
การวิเคราะห์วิวัฒนาการของแคมเปญ MSIG จากปีที่แล้วสู่ปีนี้ สะท้อนถึงกลยุทธ์การสื่อสารที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญ “เชื่อ ชอบ ใช่” ที่มาจากแนวคิด Believe Belong Become ได้สร้างรากฐานความเชื่อมั่นและความผูกพันกับแบรนด์ไว้เป็นอย่างดี โดยก่อนหน้านี้ มีการสื่อสารว่า “เชื่อใจ แม้รถเสียก็ยิ้ม ชอบจริง กระเป๋าหายก็ยิ้ม ใช่เลย แอร์เสียก็ยิ้ม” ซึ่งเน้นที่การสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าแบรนด์จะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์
ในปีนี้ MSIG ได้ทำการอัพเกรด แนวคิดจากการเป็นเพียงผู้ให้ความคุ้มครองที่น่าเชื่อถือ ไปสู่การเป็น “ผู้ช่วยคิด” ผ่านแคมเปญ “คิดแทนให้” ซึ่งเป็นการยกระดับบทบาทของแบรนด์ให้มีส่วนร่วมในชีวิตลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น การเก็บ Jingle #เชื่อชอบใช่ใช้MSIG ไว้ต่อท้ายแคมเปญใหม่ แสดงให้เห็นถึงการรักษาต่อเนื่องของความเชื่อมั่นที่สร้างขึ้นมาได้ พร้อมกับการเพิ่มคุณค่าใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน
การเชื่อมโยงระหว่างสองแคมเปญนี้ สะท้อนถึงการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หากแคมเปญเก่าเน้นไปที่การให้ความมั่นใจว่า เมื่อเกิดปัญหา MSIG จะอยู่ที่นั่น แคมเปญใหม่ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการบอกว่า ก่อนที่ปัญหาจะเกิด MSIG จะช่วยคิดให้ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนจากการเป็น Reactive Brand ไปสู่การเป็น Proactive Brand ที่คาดการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่างในตลาดประกันภัยเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำตำแหน่งของ MSIG ในฐานะแบรนด์ที่เข้าใจและเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าในยุคดิจิทัล
พลังแห่งการเข้าใจที่แท้จริง สู่การพลิกโฉมวงการประกันภัย
จากการวิเคราะห์แคมเปญ “คิดแทนให้” ของ MSIG ประกันภัย จะเห็นได้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลง แนวคิด หรือการสื่อสารเพื่อสร้างความแตกต่าง แต่เป็นการสะท้อนถึงการทำความเข้าใจชีวิตคนยุคใหม่อย่างลึกซึ้งและจริงจัง MSIG ประกันภัย ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความคุ้มครองเมื่อเกิดปัญหา แต่ต้องการพันธมิตรที่ช่วยลดภาระการคิดและตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
สิ่งที่ทำให้แคมเปญนี้มีพลังคือการที่ MSIG ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างข้อความสื่อสารที่ดี แต่ได้นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจริง ไม่ว่าจะเป็นบริการจากแอปพลิเคชัน “หมอดี” สำหรับนักศึกษาต่างประเทศ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24/7 สำหรับผู้ใช้รถยนต์ หรือการคุ้มครองสัตว์เลี้ยง เป็นการคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ ภายใต้เงื่อนไขกรณีการเกินไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยธรรมชาติ หรือน้ำท่วม
ทุกสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการตลาดที่แท้จริงไม่ใช่การโฆษณาเพื่อขาย แต่เป็นการสร้างคุณค่าที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงของผู้บริโภค
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของแบรนด์ที่เข้าใจว่าในยุคนี้ ผู้บริโภคจะเลือกแบรนด์ที่เข้าใจและช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น มากกว่าแบรนด์ที่เพียงแค่ขายสินค้าหรือบริการ และความสำเร็จของแคมเปญ “คิดแทนให้” อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในวงการประกันภัยไทย ที่แบรนด์ต่างๆ จะต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าการซื้อขายแบบดั้งเดิม