จาก Property Developer สู่ Lifetime Well-Living Developer: ก้าวเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้พฤกษาเหนือเกมตลาดอสังหาฯ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

หลายปีที่ผ่านมา ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคไทยเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ สุขภาพไม่ได้ถูกมองเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่เป็นจุดตั้งต้นของการใช้ชีวิต ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ส่งผลให้แนวคิด Well-Living ขยับขึ้นมาเป็นความต้องการใหม่ของคนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและครอบครัวรุ่นใหม่ที่มองว่า “ที่อยู่อาศัย” ต้องสร้างความมั่นคงให้กับคุณภาพชีวิตในระยะยาว มากกว่าการเป็นเพียงสินทรัพย์หรือที่พักอาศัยชั่วคราว

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เริ่มเผชิญโจทย์ใหม่ เมื่อผู้บริโภคไม่ได้ถามแค่ว่า บ้านมีฟังก์ชันอะไร แต่ถามว่า ใช้ชีวิตแบบไหนได้ในบ้านหลังนั้น และนี่คือบริบทที่ทำให้ผู้พัฒนาอย่าง “พฤกษา” ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในฐานะแบรนด์ที่มองเห็นการเปลี่ยนผ่านจากตัวบ้าน ไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาว ซึ่งกลายเป็นสัญญาณสำคัญของทิศทางใหม่ในตลาดอสังหาฯ ไทย

 

การเปลี่ยนบทบาทของพฤกษา: จากการขายบ้าน สู่การฟังชีวิตจริง

 

ความเคลื่อนไหวของ “พฤกษา” ในปีนี้สะท้อนชัดว่าแบรนด์เลือกเดินคนละเส้นทางกับภาพจำเดิมของตลาดอสังหาฯ แทนที่จะสื่อสารด้วยโปรโมชั่นหรือข้อเสนอเร่งการตัดสินใจ แบรนด์กลับเริ่มต้นด้วยคำถามพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ว่า คนต้องการใช้ชีวิตแบบไหนในบ้าน? แล้วเลือกวิธีการที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ การฟังเสียงชีวิตจริงของผู้คน

แคมเปญ “รับฟัง” กลายเป็นหมุดหมายสำคัญ เพราะนำ Pain Point จากชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยมาสู่การพัฒนาโซลูชันจริง ทั้งในด้านสินค้าและบริการ เปลี่ยนเสียงสะท้อนที่เคยมองว่าเป็นปัญหา ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์พฤติกรรมมนุษย์ในทุกช่วงวัย

การขยับครั้งนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนของบทบาทองค์กร จาก Property Developer ไปสู่ Lifetime Well-Living Developer ที่วางพันธกิจระยะยาวในการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยตลอดเส้นทางชีวิต

 

จุดแข็งที่ไม่มีคู่เทียบ: เมื่อ Real Estate เชื่อม Healthcare ได้จริง

 

ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ ส่วนใหญ่ยังคงแข่งขันด้วยทำเลและการออกแบบ พฤกษากลับถือแต้มต่อเชิงโครงสร้างที่โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม นั่นคือการเป็นแบรนด์อสังหาฯ รายเดียวในไทยที่มีโรงพยาบาลในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาล “วิมุต” และ “วิมุต–เทพธารินทร์”

ถือเป็นการบูรณาการเต็มรูปแบบระหว่าง “บ้าน–สุขภาพ–ชีวิต” ทำให้ผู้พักอาศัยเข้าถึงบริการสุขภาพได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ และต่อเนื่องไปในทุกช่วงวัยอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การดูแลเชิงป้องกัน ไปจนถึงการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

ความได้เปรียบนี้ส่งผลต่อมูลค่าของการอยู่อาศัยในระยะยาว เพราะสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะครบวงจร เป็นรูปแบบที่ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มมองหา และเป็นโจทย์ที่ Developer รายอื่นยังไม่สามารถทำได้ในระดับเดียวกัน

 

Lifetime Well-Living ใน 3 มิติ

แนวคิด Lifetime Well-Living ถูกแปลงเป็นระบบนิเวศการอยู่อาศัย 3 ด้าน

 

Well Home: บ้านที่ออกแบบจากชีวิตจริงของผู้อยู่อาศัย

 

พฤกษานำข้อมูลจริงจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยมาพัฒนาเป็นฟังก์ชัน Life-Design Function ซึ่งออกแบบจากความต้องการจริงของผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังนำผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลวิมุตมาร่วมออกแบบพื้นที่ให้เป็น Universal Design ที่รองรับการใช้ชีวิตของทุกเจนเนอเรชั่น

ในเชิงสุขภาวะ ยังมีการเสริมระบบที่ช่วยให้บ้านเป็นพื้นที่ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น

  • ระบบระบายอากาศภายในบ้าน
  • ระบบป้องกัน PM2.5
  • การเลือกใช้วัสดุ Non-Toxic
  • แนวคิด Passive Design เพื่อประหยัดพลังงานและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในพื้นที่อยู่อาศัย

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าการออกแบบของพฤกษานอกจากตอบโจทย์การอยู่อาศัยวันนี้ ยังคิดไปถึงการรองรับการใช้ชีวิตในอนาคตของผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย

 

Well Care: ระบบการดูแลสุขภาพที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย

 

เมื่อแนวคิด Lifetime Well-Living ขยายจากตัวบ้านไปสู่การดูแลสุขภาพ พฤกษาใช้จุดแข็งที่มีเครือโรงพยาบาลของตัวเองอย่าง “วิมุต” และ “วิมุต–เทพธารินทร์” มาสร้างบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้จริงในชีวิตประจำวันของลูกบ้าน โดยมีบริการสำคัญ เช่น

  • ปรึกษาแพทย์ออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • สิทธิพิเศษและส่วนลดบริการในโรงพยาบาล
  • กิจกรรมเชิงป้องกันด้านสุขภาพ เช่น Pruksa Well-Living Day
  • บริการตรวจสุขภาพ Well Care @ Home ภายในโครงการ
  • แพ็กเกจดูแลสุขภาพแบบ Personalized สำหรับทุกช่วงวัย
  • การดูแลโดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแบบองค์รวม

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ “สุขภาพ” เป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกวัน ซึ่งสะท้อนแนวคิดสำคัญว่า พฤกษาสามารถดูแลคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าอยู่ไปตลอดเส้นทางชีวิต

 

Well Community: สังคมที่ช่วยขยายความสุขและสุขภาวะร่วมกัน

 

ปัจจัยด้านสุขภาพไม่ได้มีเรื่องแค่กายและใจ แต่รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัวด้วย พฤกษาจึงสร้างพื้นที่ชุมชนและกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้มีปฏิสัมพันธ์ ใช้เวลา และเติบโตไปพร้อมกันในแบบที่มีความหมาย

ตัวอย่างกิจกรรมภายในโครงการ เช่น

  • Matcha Yoga / Sport Training Sessions เพื่อเสริมสุขภาพกาย
  • กิจกรรมด้านสุขภาวะทางใจ (Spiritual Well-Living)
  • งาน Well-Living Market Fest ที่รวมสินค้าและบริการสายสุขภาพภายในชุมชน

ชุมชนลักษณะนี้ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีแรงสนับสนุนทางใจ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตระยะยาวในแบบที่บ้านทั่วไปไม่สามารถมอบให้ได้

 

เหตุผลที่ Well-Living จะกลายเป็น Mega Trend ในอีก 3–5 ปี

 

ภาพรวมประชากรไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ เมืองใหญ่มีความเคร่งเครียดมากขึ้น ไลฟ์สไตล์การทำงานยาวนาน และพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่หันมามอง “สุขภาพ” เป็นการลงทุนในอนาคต สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยที่จะพยุงคุณภาพชีวิตในระยะยาว

นอกจากนี้ เทรนด์ด้านอสังหาฯ ในระดับสากลเริ่มเคลื่อนไปสู่โมเดลที่รวมบริการและระบบนิเวศ (Ecosystem) เข้ากับการอยู่อาศัย ความคาดหวังของผู้บริโภคจึงเปลี่ยนไปจาก “ฟังก์ชันบ้าน” ไปสู่ “ประสบการณ์การใช้ชีวิต” แบบครบวงจร การพัฒนาอสังหาฯ จึงต้องมีมิติด้านสุขภาพ บริการ และชุมชนเป็นองค์ประกอบสำคัญ

พฤกษาอยู่ในจุดที่สามารถตอบโจทย์แนวโน้มนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะมีทั้งโครงสร้างธุรกิจด้าน Healthcare ระบบบริการ และชุมชนที่พัฒนาอยู่แล้วภายใต้แนวคิด Lifetime Well-Living

 

พฤกษาในฐานะเคสที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายอื่นต้องจับตา

 

การบูรณาการ “บ้าน-สุขภาพ-ชุมชน” ทำให้พฤกษากลายเป็นเคสสำคัญในวงการอสังหาฯ ไทย เพราะเป็นตัวอย่างของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต่อยอดจากการส่งมอบบ้าน ไปสู่สร้างระบบการอยู่อาศัยที่ดูแลคุณภาพชีวิตแบบต่อเนื่อง

จากแคมเปญ “รับฟัง” ไปสู่การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา และการนำ Pain Point ของลูกบ้านไปพัฒนานวัตกรรมจริงในโครงการต่างๆ สิ่งนี้สะท้อนว่านอกจากการสื่อสารเชิงภาพลักษณ์ พฤกษายังลงมือสร้างผลลัพธ์ในเชิงโซลูชันที่จับต้องได้จริงๆ

ผลลัพธ์คือมาตรฐานใหม่ของวงการ ที่เริ่มเปลี่ยนจากการแข่งขันด้วยราคา พื้นที่ และทำเล ไปสู่การแข่งขันด้วย “คุณภาพชีวิต” และ “ความยั่งยืนของการอยู่อาศัย”


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE