ภาพรวม ‘ตลาดขนมขบเคี้ยวไทย 2025’ – รสชาติ และ โปรโมชัน คือหัวใจในการแข่งขัน

  • 28
  •  
  •  
  •  
  •  

snack-2025-cover

 

แม้จะไม่ได้เติบโตแบบตัวเลขสองหลักเหมือนช่วงโควิด แต่ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลกยังคงการเติบโตต่อเนื่องที่ราว 6% ในช่วงที่ผ่านมา แต่ในปีนี้ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดกว่าจะเติบโตเพียง 2% เท่านั้น ด้วยปัจจัยด้านต้นทุนการผลิตหลัก และราคาวัตถุดิบในบางรายการสำคัญมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น กระทบการเติบโตตลาดให้ชะลอตัวลง

เมื่อเจาะไปที่เซกเมนต์กลุ่มมันฝรั่งทอดกรอบ (Potato Chip) พบว่าครองสัดส่วนในตลาดนี้กว่า 1 ใน 3 โดยหนึ่งในเบอร์ใหญ่ของเซกเมนต์นี้อย่าง ‘เลย์’ ที่เราคุ้นเคยกันดี มองว่าเซกเมนต์นี้มีการขยายตัวต่อเนื่องในทุกปี แม้เทรนด์สุขภาพจะกลายเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลกในช่วงหลังมานี้ กลับไม่ส่งผลกระทบเท่าที่คาดไว้ แต่ปัจจัยที่กระทบอย่างมีนัยสำคัญคือ ‘ความช่างเลือก’ ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งหากจะมองภาพให้ชัดเจน ขอแบ่งกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 

 

1. Joy Finder (50%)

 

  • ชอบลองรสชาติใหม่
  • ซื้อเพราะอยาก “จอย” กับโมเมนต์หรือกิจกรรม
  • ชอบของที่มีสีสัน น่ารัก คาแรกเตอร์น่าสะสม
  • มักตอบสนองต่อแคมเปญที่ให้ความรู้สึกสนุก เช่น การแจก LINE Sticker, ของแถมลิมิเต็ด
  • Emotional Buyer ซื้อของตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล

 

2. Value Seeker (25%)

 

  • มองหาราคาที่เหมาะสมกับปริมาณ
  • ชอบโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม
  • เปรียบเทียบก่อนซื้อ และมักซื้อแบบแพ็กใหญ่หรือแบบยกลัง
  • กลุ่มนี้เติบโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

 

3. Utility-Oriented (25%) 

 

  • ซื้อขนมเพื่อเสิร์ฟในงานปาร์ตี้
  • พกติดตัวไว้กินระหว่างเดินทาง หรือดูหนัง
  • มองหาแพ็กเกจที่เหมาะกับสถานการณ์ เช่น แบบแบ่งซอง หรือแบบกล่องที่เปิดง่ายปิดได้
  • กลุ่มนี้เน้น “ความสะดวกและฟังก์ชันการใช้งาน” มากกว่าราคาหรือความสนุก

หากวิเคราะห์กันจะเห็นว่า กลุ่ม Joy Finder เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ซื้อของโดยใช้อารมณ์ และความรู้สึกเป็นหลัก ในขณะที่กลุ่ม Value Seeker และ Utility-Oriented ใช้เหตุผลในการซื้อเป็นหลักในการ ‘เลือก’ ซื้อ ซึ่งในปัจจุบันสองกลุ่มหลังนี้มีการเติบโตขยายตัวมากขึ้น ความช่างเลือกจึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวมากขึ้นตามไปด้วย

 

แต่จะซื้อหรือไม่ ตัดสินกันที่ ‘รสชาติ’ และ ‘โปรโมชัน’

 

หากมองลึกลงไปในโครงสร้างการแข่งขัน จะเห็นได้ว่าการแข่งขันด้าน “รสชาติ” คือปัจจัยอันดับหนึ่งที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้จดจำหรือกลับมาซื้อซ้ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของคนไทยนั้นผูกพันกับรสชาติที่ “โดนใจ” เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรสแบบดั้งเดิมที่คุ้นลิ้น หรือรสชาตินำเทรนด์ที่กระตุ้นความแปลกใหม่

แต่ในยุคที่ค่าครองชีพขยับตัวขึ้น ผู้บริโภคก็เริ่มมองหาสินค้าที่คุ้มค่าในราคาที่จ่ายไป ส่งผลให้ “โปรโมชัน” กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการตลาด ธุรกิจที่มีข้อเสนอที่จับต้องได้ เช่น การลดราคา การออกแพ็กเกจประหยัด หรือการผูกกิจกรรมการตลาดกับของพรีเมียม ย่อมได้เปรียบในการสร้างยอดขายและเพิ่มการตัดสินใจซื้อ

ทั้ง รสชาติ และ โปรโมชันต่างสะท้อน และเชื่อมโยงกับความเชื่อมโยงของลูกค้าได้อย่างชัดเจนขึ้นไปอีก แถมยังตัดสินเปรียบเทียบระหว่างแบรนด์ด้วย

 

ครบรอบ 30 ปี ‘เลย์’ หันหัวกลยุทธ์เพื่อสร้างความสุข และประสบการณ์ให้ลูกค้า

 

0097_0
นางสาวชลกร อภิชาติธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจอาหารและขนม

 

ในช่วงโอกาสครบรอบ 30 ปี “เลย์” ได้เปิดตัวแคมเปญใหญ่ในชื่อ “30 ปี จอยได้ทุกเจนเลย์” ที่เน้นจับตลาดคนทุกช่วงวัย (All Generations) โดยมีหลายจุดที่น่าสนใจ

การจับมือกับคาแรกเตอร์ BT21


ถือเป็นแคมเปญคอลแลบที่สร้างแรงดึงดูด เพราะ BT21 เป็นคาแรกเตอร์ที่มีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก และเข้าถึงคนหลากหลายวัย การแจก LINE Sticker ให้สะสมได้จากการสแกนโค้ดใต้ซองหรือกระป๋อง เป็นการตลาดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล ซึ่งทุกคนล้วนใช้ LINE เป็นแอปหลักในชีวิตประจำวัน

เน้นรสชาติที่เคยฮิตในอดีต


เลย์เลือกนำรสชาติเก่า ๆ สุดฮอตกลับมาให้ลองกันใหม่ ตามแนวคิด “Nostalgia Marketing” ซึ่งเข้าถึงอารมณ์ของผู้บริโภคที่ชื่นชอบรสชาติที่เคยประทับใจเมื่อก่อน ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยลอง ได้ร่วมสนุกกับประสบการณ์รสชาติแบบ “ว้าว” ไปพร้อมกัน ซึ่งในช่วงปีแรกคือ ไข่เค็ม ชีสหัวหอม กะเพรา ลาบทอด และครึ่งปีหลังจะมาเพิ่มอีก 1-2 รส

โปรโมชันและของพรีเมียม


นอกจากสติกเกอร์แล้ว ยังมีของพรีเมียมสุดน่ารักอีกหลายแบบที่แลกได้ด้วยการสะสมโค้ด แบรนด์จึงกระตุ้นการซื้อซ้ำหรือซื้อแบบยกแพ็กได้เป็นอย่างดี

ด้วยการวางกลยุทธ์ข้างต้น เลย์ยังคงสามารถครองใจตลาดมันฝรั่งทอดกรอบและมีส่วนแบ่งตลาดในระดับสูง แม้ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากมายก็ตาม

 

ที่สำคัญคือยังไม่ควรมองข้าม “เทรนด์สุขภาพ” ไปเสียทีเดียว เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและคนไทยมีวิถีชีวิตที่ปรับสมดุลเรื่องอาหารมากขึ้น ผู้บริโภคบางส่วนอาจหันมามองหาสินค้าที่มีส่วนผสมน้ำตาล ไขมัน โซเดียม น้อยลงก็เป็นได้ สำหรับแบรนด์ที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ ควรเตรียมวางแผนหรือพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนี้ไว้เช่นกัน


  • 28
  •  
  •  
  •  
  •