เปิดกลยุทธ์สี TOA สู้ศึกระดับภูมิภาค มุ่งสู่เป้าหมายผู้นำแห่งอาเซียน

  • 16.5K
  •  
  •  
  •  
  •  

TOA_Marketingoop_1

การเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดนิ่งมาตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษนับแต่ผู้ก่อตั้ง TOA เริ่มดำเนินธุรกิจ ได้สั่งสมประสบการณ์และสร้างความผูกพันระหว่างสี TOA กับผู้บริโภค จนเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์สีที่ติดอยู่ใน Top of Mind ของใครหลายคน แม้ในยุคที่มีสินค้าจากบริษัทต่างชาติเข้ามาทำตลาดในบ้านเรามากมายอย่างทุกวันนี้… แต่รู้หรือไม่ว่าแบรนด์ไทยแท้อย่าง TOA ยังคงแข็งแกร่ง และสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งของสีทาอาคารสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปในไทย ในสัดส่วนประมาณ 48.7% เมื่อพิจารณาจากยอดขาย (ข้อมูลปี 2559 จาก Frost & Sullivan) ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

รู้จักกับธุรกิจ TOA

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือที่เรียกกันติดปากว่า สี TOA มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวที่นำเข้าสีทาอาคารจากประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองคือ ‘TOA’ จนกลายเป็นแบรนด์สียอดนิยมในปัจจุบัน

TOA มีการพัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่จดจำของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาด บริษัทฯ มีทีมงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งซึ่งเชี่ยวชาญในการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์สภาพภูมิอากาศในประเทศไทยและภูมิภาค AEC ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคได้อย่างดี ขณะเดียวกัน ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกในประเทศไทยจำนวนมากถึง 6,217 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด 790 อำเภอ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2560)

TOA_Marketingoop_2

ตลาดในเมืองไทย

สำหรับแหล่งรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากตลาดในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 88.7% ของรายได้จากการขาย (รอบระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2560) โดยจากข้อมูลของ Frost & Sullivan คาดการณ์ว่า ตลาดค้าปลีกสีทาอาคารในประเทศจะเติบโตจาก 19,201.3 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 24,603.2 ล้านบาทในปี 2564

เช่นเดียวกับตลาดค้าปลีกผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นในประเทศ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 6,376.9 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 8,852.7 ล้านบาทในปี 2564 จึงนับเป็นโอกาสของ TOA ที่จะพัฒนากลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากยิ่งขึ้น

TOA_Marketingoop_3

ตลาดต่างประเทศ

คิดเป็นสัดส่วน 11.3% ของรายได้จากการขายของบริษัทฯ (รอบระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2560) ยังคงมีแนวโน้มเติบโตตามการขยายโรงงานในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ใช้โมเดลขยายธุรกิจในต่างประเทศด้วยการส่งออกสินค้าไปทดลองตลาดก่อน และหากเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตก็จะพิจารณาขยายการลงทุนโรงงานในประเทศนั้นๆ ทั้งในรูปแบบการร่วมทุนกับคู่ค้า และการลงทุนก่อสร้างโรงงานเองเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย 3 แห่ง และต่างประเทศ 5 แห่ง ประกอบด้วย เวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 88.0 ล้านแกลลอนต่อปี (ไม่รวมโรงงานใหม่ในกัมพูชาที่สร้างเสร็จต้นปี 2560 และไม่รวมกำลังการผลิตที่จะลดลงเนื่องจากการย้ายโรงงานในประเทศเมียนมาร์ จากย่างกุ้งไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา) นอกจากนี้ ยังมีโรงงานที่กำลังก่อสร้างหรือระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอีก 3 แห่ง ในอินโดนีเซีย กัมพูชา และเมียนมาร์ ทั้งนี้ เมื่อรวมกำลังผลิตของโรงงานผลิตทั้งสามแห่งเมื่อสร้างเสร็จและแผนการปิดโรงงานย่างกุ้งซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นในต้นปี 2562 บริษัทฯ คาดว่าจะทำให้มีกำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 14.5 ล้านแกลลอนต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 16.5 ของกำลังผลิตในปัจจุบัน (ไม่รวมโรงงานใหม่ในกัมพูชาที่สร้างเสร็จต้นปี 2560) ภายในปี 2561

TOA_Marketingoop_4

จากบทพิสูจน์ในช่วงระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมาของผู้ก่อตั้ง TOA ตลอดจนการได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จของตลาดได้อย่างภาคภูมิของ TOA เป็นเครื่องแสดงถึงธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยในปีนี้ TOA คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญที่จะพาบริษัทฯ ไปเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวในภูมิภาคอาเซียน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://investor.toagroup.com/ipo/


  • 16.5K
  •  
  •  
  •  
  •